ที่สุดแห่งชีวิต สมรักษ์ คำสิงห์ ได้เข้าเฝ้าฯ แทบพระบาท พ่อหลวง
เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาส ให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างใกล้ชิด สำหรับ "สมรักษ์ คำสิงห์" นักชกเหรียญทองโอลิมปิก ในปี 1996 ซึ่งถือเป็นเหรียญแรกของประเทศไทย
โดยวันนี้ (20 ต.ค.) สมรักษ์ คำสิงห์ ในชุดทหารเรือ ยศเรือเอก ซึ่งได้รับพระราชทานหลังจากคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ได้มาทำหน้าที่จิตอาสาแจกน้ำดื่มให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายความอาลัยพระบรมศพฯ ร่วมกับกองทัพเรือ ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า
"วันนี้ผมก็มาแจกของใช้แจกอาหารร่วมกับทางกองทัพเรือ เห็นคนมาส่งพ่อเยอะก็ดีใจอยากจะมาช่วยเหลือบ้าง เพราะครั้งหนึ่งตัวผมเองก็เคยทำงานรับใช่ประเทศชาติโดยการชกมวยเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ และก็นำเหรียญทองโอลิมปิกถวายให้กับพระองค์ท่าน"
"จริงๆ ตอนเด็กๆ พอมีคนเล่าถึงพระเจ้าแผ่นดิน ผมก็จะคิดเสมอว่าพระเจ้าแผ่นดินคือเทวดา เพราะท่านมีอยู่ทุกบ้าน ทุกบ้านต้องมีรูปของพระเจ้าแผ่นดิน และทุกครั้งที่ผมตกใจ กลัว หรืออยากขอพร ผมก็จะยกมือพนมขึ้นเหนือหัวพร้อมกับบอกอยู่เสมอว่าพระเจ้าแผ่นดินช่วยเราด้วย คือมีความรู้สึกอยู่ตลอดว่าพระองค์ท่านคือเทวดา"
"ดังนั้นตอนที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าและนำเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2539 ไปถวายพระองค์ท่าน ในปีนั้นเป็นปีมหามงคลครับ เป็นปีฉลองครบรอบพระองค์ท่านขึ้นครองราชย์ครบ 50 ปี ซึ่งตัวผมเองก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะนำเหรียญทองมาเป็นของขวัญให้กับพระองค์ท่าน
ตอนที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าก็รู้สึกดีใจภูมิใจ บรรยากาศในวันที่เข้าเฝ้านั้นก็รู้สึกได้เลยถึงความอบอุ่นเป็นบรรยากาศที่พ่อคุยกับลูก คือก่อนจะได้เข้าเฝ้าผมเกร็งมาก แต่พอได้เจอพระองค์ท่านจริงๆ แล้วทุกอย่างอบอุ่นมาก"
"พระองค์ท่านยังตรัสกับผมด้วยว่า "ดูสมรักษ์ชกแล้วเห็นสมรักษ์ถือรูปเราชูบนเวที นึกว่าเราเป็นคนชกเอง แล้วพอสมรักษ์ชนะก็ลุ้นตลอด พอสมรักษ์ชนะเราก็ลืมตัวกระโดดโลดเต้นดีใจไชโยจนข้าราชการผู้ใหญ่หัวเราะเรา ซึ่งเรารู้สึกอายเลยค่อยๆ นั่งลง" พระองค์ท่านมีอารมณ์ขันและมีความเป็นกันเองมากครับ"
"ความชื่นใจของผมตอนนั้น คือชื่นใจตั้งแต่ได้เห็นหน้าพระองค์ท่านแล้วครับ รู้สึกเหม่อลอยมีความสุข เห็นพระองค์ท่านพูดไปช้าๆ ยิ้มไปด้วย ผมก็มีความสุขแล้วครับ"
"ในชีวิตผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านถึง 4 ครั้ง เพราะจริงๆ แล้วนักมวยก่อนที่จะไปโอลิมปิกพระองค์ท่านก็จะมีพระมหากรุณาธิคุณให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยได้เข้าเฝ้าและรับโอวาท ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้วก่อนออกเดินทางเข้าแข่งขัน ซึ่งผมได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน 3-4 ครั้ง เห็นจะได้ครับ"
"สิ่งที่ผมตั้งใจไว้ตอนที่ผมขึ้นชกโอลิมปิก วันที่ 4 สิงหาคม 2539 ผมได้ไปนำพระบรมฉายาลักษณ์ท่านมากราบและก็บอกกับพระองค์ท่านว่า พระเจ้าแผ่นดินครับปกป้องผมด้วย ผมจะนำเหรียญทองไปฝากคนไทยและฝากพระองค์ท่าน ส่วนความตั้งใจหลังจากนี้ผมก็ตั้งใจว่าจะเป็นคนดีต่อไป เพราะผมเชื่อว่าพระองค์ท่านยังคงมองเราทุกคนอยู่บนสวรรค์ มองลูกๆ ของท่านด้วยความห่วงใย ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกคนตั้งใจแน่วแน่ ให้ทุกคนมีความรักมีความสามัคคีกัน เพราะพ่อที่มองเราอยู่บนสวรรค์ท่านกำลังส่งยิ้มให้พวกเราอยู่ครับ"
"ในฐานะที่ผมเป็นนักกีฬาและพระองค์ท่านก็เป็นกษัตริย์นักกีฬา พระองค์ท่านเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ เป็นนักกีฬาทีมชาติเหมือนกันนะครับในการเข้าแข่งขันกีฬาแหลมทองเกมส์ ซึ่งพระองค์ท่านทรงเรือใบจนได้เหรียญทอง ดังนั้นในความเป็นนักกีฬาของผม ผมจึงน้อมนำเอาความ มุ่งมั่น มุมานะ วิริยะ อดทน ที่ท่านสั่งสอนให้เรามาเพื่อที่จะได้นำเราไปสู่ชัยชนะครับ"
"ถึงแม้ทุกวันนี้ผมจะไม่ได้ชกแล้ว แต่ผมก็เชื่อว่าสิ่งที่ผมทำไว้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลัง"
"ส่วนที่วันนี้ผมสวมใส่ชุดนี้มาก็เพราะว่าผมมียศเป็นเรือเอก ซึ่งจริงๆ แล้วยศพระราชทานนี้เกิดขึ้นจากการที่ผมได้เหรียญทองโอลิมปิกกลับมา ซึ่งก็คือยศพระราชทานครับ"
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ