คนบันเทิงเนื่องแน่นร่วมใจทำจิตอาสา ถวายพ่อหลวง

(20 ต.ค.)ดาราคนบันเทิงเมืองไทยยังคงเดินทางมาทำจิตอาสา ยังท้องสนามหลวง เพื่อทำความดี แจกจ่ายอาหารและเครื่องดื่มให้กับประชาชนที่เดินทางมาร่วมสักการะและถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน อาทิ เป้ย ปานวาด, นิหน่า สุฐิตา, พลอย พลอยพรรณ, นิโคล เทริโอ,แคทรียา อิงลิช และ บุ๋ม ปนัดดา ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า

เป้ย - "เป็นสิ่งที่เราตั้งใจไว้ บรรยากาศในวันนี้ เรารู้สึกอบอุ่นใจนะที่เห็นคนไทยรักกัน เอื้อเฟื้อกัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไปค่ะ เราเชื่อว่าคนจะมาแบบนี้เรื่อยๆ เพราะคนต่างจังหวัดก็คงทยอยมากันค่ะ"

นิหน่า - "เมื่อวานนั่งทำริบบิ้นตั้งแต่ 9 โมงถึงบ่ายสอง ตั้งใจว่าจะมาร่วมแบ่งปัน ร่วมทำความดีด้วยกัน แต่จริงๆ แล้วไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่อย่างที่บอกว่าเราทุกคนเศร้า แต่เราเปลี่ยนความเศร้าเป็นพลังในการจะเดินหน้าต่อ ทำความดี เดินตามรอยพ่อ ตอนนี้เราเศร้าที่พระองค์ไม่อยู่กับเราแล้ว แต่สิ่งที่พระองค์ทรงทิ้งไว้มากมายเหลือเกิน สิ่งที่เราทำได้คือเก็บมาใช้ในการดำเนินชีวิตค่ะ"

เป้ย - "สำหรับเป้ยคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงค่ะ เป้ยพยายามจะบอกลูก สอนลูก อะไรที่ไม่เป็นจำก็อย่าและต้องรู้จักแบ่งปัน มอบให้คนอื่นๆ เป็นผู้ให้ด้วย เป็นสิ่งที่เราสอนลูกตั้งแต่เด็กๆ พอเขาโตขึ้นเขาก็จะเป็นของเขาเอง ตอนนี้เขาก็รู้จักแบ่งปัน"

พระราชดำรัสที่เรานำมาใช้ในชีวิต ?

นิหน่า - "ก็คงเป็นเรื่องของการทำความดีค่ะ คือบางทีเรารู้สึกว่าไม่มีใครเห็นเลย แต่เราก็ต้องทำความดีเพราะว่าสุดท้ายแล้วใจเราเองที่จะมีความสุขมากที่สุดค่ะ และยังมีอีกหลายเรื่องล่าสุดพอเรามานั่งอ่านพระบรมราโชวาท เรารู้สึกว่าเราพลาดอะไรไปเยอะแยะ เราไม่เคยอ่านบทนี้ได้ยังไง เราไม่เคยรู้บทนี้ได้ยังไง อย่างเรื่องของการเอาชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ เรื่องของการแบ่งปัน เรื่องของการรู้จักหน้าที่ของตนเอง ในการทำงาน สิ่งเหล่านี้เราจะได้นำมาสอนลูกแน่นอน และทุกวันนี้นิหน่าจะมีนิทานเรารักในหลวงอ่านให้น้องแพท ให้ริต้าฟัง เขาก็จะรู้จักและถามตลอด"

"อย่างน้องแพทเวลาเขาเห็นภาพพระราชกรณียกิจในหลวงในทีวี เขาก็จะถามว่าในหลวงไปไหน เราก็ยากจะอธิบาย แบงค์เขาก็อธิบายให้ฟังแล้วก็ร้องไห้ สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนเรื่อง อย่างน้องแพทก็จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ร้องไห้ เราก็จะบอกด้วยภาษาที่สอนลูกว่าในหลวงไปสวรรค์แล้วลูก เขาก็บอกว่าทำไมอ่ะแม่ ทำไมในหลวงต้องไปสวรรค์ แพทริคอยากให้ในหลวงอยู่ประเทศไทยทุกวันเลย เราก็จุกก็ต้องเปลี่ยนเรื่อง แต่พอเขาเห็นเขาก็ยังถามคำถามเดิม เพราะว่าเขาเป็นเด็กค่ะจนบางทีรู้สึกว่าไม่รู้จะตอบคำถามเขายังไง ก็จะคอยเล่าคอยสอนเขาไปค่ะ"

อย่างเป้ยเองก็อยู่ในครอบครัวข้าราชการด้วย ?

เป้ย - "ใช่ค่ะ คือสิ่งสุดท้ายที่เป้ยมีความเชื่อตลอดว่า สถาบันครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ เป้ยก็รับปากกับตัวเองไว้เลย จะพยายามสอนลูกให้เป็นคนดีที่สุด เป็นเด็กดีในครอบครัว เป็นคนดีในสังคม และประเทศชาติ ถ้าสังคมมีคนดีเยอะๆ เป้ยเชื่อว่ายังไงประเทศชาติก็เจริญค่ะ"

เราอยากบอกอะไรเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนไทย ?

นิหน่า - "นิหน่าเชื่อว่าทำความดีค่ะ ทำความดี ไม่จำเป็นให้คนอื่นรู้ก็ได้ แค่เรารู้อยู่คนเดียว เชื่อว่าสังคมจะสามารถขับเคลื่อนไปได้ เหมือนที่ในหลวงสอนว่า มีน้ำเสียเราก็ต้องใส่น้ำดีไปไล่น้ำเสีย สังคมไทยก็เหมือนกันค่ะ ถ้าเราอยากให้สังคมดีขึ้น เราก็ต้องเป็นน้ำดี ที่จะทำให้สังคมดีขึ้นๆ นิหน่าว่าแค่นี้ท่านก็คงจะดีใจที่ลูกๆ ทุกคนได้เดินตามที่พระองค์ได้สอนไว้"

เป้ย - "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสามัคคีปรองดองกันไว้ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ"

ด้าน "พลอย พลอยพรรณ" กล่าวว่า "อาจจะใช้คำราชาศัพท์ไม่เป็นนะคะ แต่รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดมาในสมัยของพระองค์นะคะ เพราะพระองค์มีความเหนื่อยยากที่ได้ช่วยเหลือพสกนิกร ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือพี่เลี้ยงของลูกทั้งสองที่เป็นกระเหรี่ยงเมียนมา เขายังบอกเลยว่าคนไทยโชคดีมากๆ ที่มีท่าน เพราะนอกจากท่านจะช่วยคนไทยแล้ว ที่บ้านของพี่เลี้ยงคนนี้ยังมีรูปในหลวงแปะอยู่เหมือนกันเพราะท่านเคยไปช่วยเหลือทุกคนไม่ว่าจะคนไทยเองหรือเพื่อนบ้านก็ตาม พลอยรู้สึกปลาบปลื้มและประทับใจมากค่ะ และดีใจที่ลูกๆ ทั้งสองคนได้เกิดมาในแผ่นดินสมัยของพระองค์ด้วยค่ะ"

"ถ้าเป็นเรื่องของความพอเพียงพลอยว่าเป็นสิ่งที่คนไทยเข้าถึงง่ายที่สุดนะคะ เพราะสมัยนี้มันมีรูป รส กลิ่น เสียง ที่คอยยั่วยวนให้คนใช้เงินเยอะ และทำให้ตกอยู่ในความลำบากอย่างเช่นการเป็นหนี้ พลอยเลยรู้สึกว่าคำว่าพอเพียงสำหรับคนไทยที่พระองค์มอบให้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ"

ขณะที่ นักร้องนักแสดงชื่อดัง "นิโคล เทริโอ" ซึ่งเดินทางมาเข้าแถวรอถวายความอาลัยตั้งแต่ช่วงสายๆ เปิดเผยว่า "มารอเข้าแถวเพื่อเข้าไปลงนามถวายความอาลัยตั้งแต่เก้าโมงแล้วค่ะ พอได้เข้าไปก็รู้สึกว่ายังเศร้าโศกเสียใจมาก วันนี้ได้มาเคารพพ่อก็รักมาก คิดถึงมากจริงๆ ไม่ได้มา 3 วันค่ะ แต่ต่อจากนี้พยายามจะมาทุกวัน พรุ่งนี้ก็จะมา และวันเสาร์ก็จะมาอีก"

สำหรับเราความประทับใจในตัวพ่อหลวงคืออะไร?

"ตั้งแต่จำความได้จนถึงตอนนี้กี้ก็อายุ 44 แล้วค่ะ จะเห็นแต่ท่านทรงงาน และโชคดีที่กี้เคยมีโอกาสได้อยู่ในงานที่ท่านทรงเสด็จ 2-3 ครั้งที่ได้เห็นท่าน กี้รู้สึกว่ากี้มีบุญที่ได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9 กี้รักมาก ถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งที่มากที่สุดในชีวิตค่ะ (น้ำตาคลอ)"

หลังจากนี้อยากจะทำอะไรเพื่อพ่อบ้าง?

"ท่านสอนไว้เยอะนะคะ ตอนนี้ที่กี้เห็นคนไทยทั่วโลกเลยได้แชร์แบ่งปันกันในสิ่งที่พ่อได้สอนไว้ กี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากเลย ในโซเชียลจะมีแต่คนแชร์ว่าพ่อสอนให้ดำรงชีวิตยังไง มีความคิดแบบไหน ซึ่งตอนนี้คำสอนของท่านได้ออกมาให้คนไทยทุกคนได้เห็น วันนี้กี้มาเห็นภาพที่นี่มีแต่คนแบ่งปันทุกอย่างให้กัน มีรอยยิ้มให้กัน มาช่วยเหลือกัน นี่คือสิ่งที่พ่อสอนไว้"

ด้าน "บุ๋ม ปนัดดา" ก็กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากทราบข่าวว่า "ตอนแรกที่ทราบข่าวรู้สึกเสียใจมาก แต่ยังติดงานค่อนข้างเยอะที่ไม่ได้ยกเลิกไปทำให้ต้องบินไปต่างประเทศ และเพิ่งกลับมาเมื่อตี 4 กว่า พอกลับบ้านก็รีบมาที่นี่เลย โชคดีที่มีแฟนคลับเตรียมพวงมาลัยไว้ให้ วันนี้เลยมาด้านหลังเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะลงนามกันได้ จำนวนคนเยอะมาก ตนเลยขอแอบมาข้างหลังกราบท่านเงียบๆ

โดยส่วนตัวตอนแรกอยากจะเข้มแข็งขึ้นหลังทราบข่าวท่าน แต่พอมาถึงหน้ากำแพงวังจริง ยอมรับไม่เหลือสภาพ น้ำตาไหลและพรั่งพรูเต็มที่ พอตั้งสติได้เลยขอปฏิญาณกับท่านว่าจะทำองค์กรทำดีต่อไปจะช่วยคนต่อไป จะทำความดีอย่างไม่ย่อท้อ เพราะนี่คือสิ่งพระองค์ท่านสอนเรามาดังนั้นนี่คือปฏิญาณของตน วันนี้ก็มีมาช่วยแจกหลายจุด และจะมีส่วนของร่วมกตัญญู และกองทัพเรือ ซึ่งหลังจากนี้หากมีโอกาสก็อยากมาอีก

แต่ตอนนี้ตนกำลังคิดอยากจะบวชชีพราหมณ์ถวายท่านเป็นเวลา 3 วัน เพราะมีเวลาแค่นี้หลังจากนี้ต้องทำงานต่อ แต่เรามีความตั้งใจ วันนี้หากหาวัดลงตัวก็จะบวชเลยถวายแด่พระองค์ท่านเลย ส่วนตัวอยากบวชอย่างสงบเพื่อพระองค์ท่านจริงๆ"

"ส่วนตัวเคยถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง แต่มีหนึ่งครั้งที่เป็นแบบชิ้นงานจริงจังก็คือถ่ายภาพโครงการของพระองค์ท่าน ดีใจที่ได้ถ่ายรูปโครงการหลวงแล้วพระองค์ท่านทอดพระเนตร ส่วนตัวมีประองค์ท่านเป็นแบบอย่าง"

"ตอนนี้อยากให้ทุกคนเข้มแข็งเราจะต้องเข้มแข็งด้วยกันเราจะต้องเดินต่อไปข้างหน้า อย่าทะเลาะกัน เสื้อสีไหนก็ได้แต่ความไว้อาลัยมันอยู่ที่ใจ"

ปิดท้ายที่ "แคทรียา อิงลิช" ระบุว่า "วันนี้เดินทางมาเป็นวันที่ 2 จริงๆ อยากจะมาตั้งแต่วันแรกแล้วแต่ก็รวบรวมเพื่อนๆไม่ได้สักที จนคุณแม่บอกว่าทางบริษัทของพ่ออยากจะมา เลยปิดบริษัทคุณพ่อครึ่งวันมาพร้อมกันหมดเลย น้องชายกับคุณแม่ก็มาด้วย ถือว่าเป็นการทำบุญวันเกิดให้น้องชายด้วย น้องเกิดวันที่ 18 ก็อยู่แจกข้าวอ่ะค่ะ พอข้าวหมดก็แจกรอยยิ้มแทน ยืนถ่ายรูป4 ชั่วโมง จัดระเบียบให้เข้าแถวยืนอยู่แบบนั้นค่ะ ก็มีความสุขมาก คือเราทำให้คนไทยได้มีรอยยิ้มอีกครั้งก็เหมือนได้ทำอะไรแล้ว"

พอเห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง

"คนมาเยอะมากนะคะ เยอะกว่าเมื่อวานด้วย พอเห็นแล้วก็รู้สึกดีใจ ตื้นตันใจค่ะ"

เรามีโอกาสได้ไปลงนามหรือยัง

"ยังเลยค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้ขยับตัวไปไหนเลยค่ะ"

สำหรับตัวเรามีโอกาสได้แสดงละครเวทีพระมหาชนกด้วย

"ใช่ค่ะ เล่นกับปอ ทฤษฎี รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้มีโอกาสถวายงานตรงนั้น และก็เป็นสิ่งที่ตื้นตันใจอย่างนึงที่ทีมงานและโปรดิวเซอร์ต้องถ่ายวิดีโอเก็บไว้ทุกคืนให้ท่านดู พ่อหลวงได้ดูงานทุกคืน ทุกๆ20วันเลยค่ะ เพราะท่านบอกว่าอยากจะดูงาน ดูความเรียบร้อย พอฟังก็ขนลุก น้ำตาคลอเลยค่ะ ตื้นตันใจมากๆที่ท่านได้ใส่ใจขนาดนี้"

เราได้น้อมนำปรัชญาอะไรของท่านมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง

"จริงๆแล้วมันมีหลายบทที่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวันนะคะ เหมือนเป็นบทที่เตือนสติคนเราได้ ที่ได้ยินบ่อยๆก็คงเป็นเศรษฐกิจพอเพียง คือเรามีแค่ไหนก็พอใจกับสิ่งนั้น ก็จงพอใจและมีความสุขไม่ว่าจะสิ่งต่างๆอะไรก็แล้วแต่ในชีวิตของเรา"

อยากให้เราพูดถึงพระราชกรณียกิจที่ท่านทำเพื่อคนไทย

"จริงๆพอมาในวันนี้ และก็เมื่อวาน หลายคนบอกเหนื่อย แต่จริงๆไม่เหนื่อยเลย เพราะว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้ยังไม่ถึงเสี้ยวที่พ่อหลวงทำเพื่อคนไทยตลอด 70 ปีเลยอ่ะค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราจะทำให้ท่านได้ในขณะนี้ ก็ขอให้ทุกคนรักกัน สามัคคี แบ่งปันกันไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียวนะคะ ทุกๆวัน ทุกๆเวลา เป็นกำลังใจให้กันแล้วกัน และก็ทำให้ประเทศชาติของเราเจริญรุ่งเรืองตลอดไปค่ะ"