บี๋ สวิชปลื้มเคยแสดงละครหน้าพระพักตร์

บี๋ สวิชปลื้มเคยแสดงละครหน้าพระพักตร์

บี๋ สวิชปลื้มเคยแสดงละครหน้าพระพักตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่ม 'บี๋ สวิช' ร่วมแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่ม ประชาชนสนามหลวง ปลื้มเคยแสดงละครหน้าพระพักตร์ ลั่นขอใช้ชีวิตตามรอยพ่อหลวง

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงจิตอาสาที่ร่วมกับมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง มาร่วมแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่ม ให้กับประชาชนที่เดินทางมาแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สนามหลวง สำหรับ "บี๋ - สวิช" โดยเจ้าตัวเองได้เปิดเผยถึงความรู้สึก หลังเคยมีโอกาสได้ศึกษาโครงการพระราชดำริ ในโครงการพระดาบส

"วันนี้ก็เป็นทุก ๆ วันที่มีโอกาสก็มาทำนะครับ ผมเป็นจิตอาสาในมูลนิธิป่อเต็กตึ้งด้วยนะครับ วันนี้ผมซื้อลูกอมมาแจก  ทำตั้งแต่วันแรก ทำอะไรได้เราก็ทำ รู้สึกเสียดายเหมือนกันที่เราทำให้พระองค์ช้าไปหน่อย น่าจะทำตอนที่พระองค์มีพระชนม์ชีพอยู่ ตัวผมเองอยู่ในมูลนิธิป่อเต็กตึ้งมา 6-7 ปี แล้วครับ ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมก็มาช่วยกัน มีเคสเหตุการณ์อุบัติเหตุบ้างที่เราได้เจอ ก็ตั้งจิตตั้งใจที่จะทำ ด้วยการชวนของพี่จิ้ม ชวนชื่น เราเป็นศิลปิน นักแสดง มีรายได้ มีชื่อเสียง เราควรจะตอบแทนคืนสังคมบ้าง เราก็ทำในส่วนของเราทำบุญ บริจาคของแต่ในส่วนของจิตอาสาเรามาทำที่นี่ เพราะหลักการปรัชญาของเขานั้นคล้ายกับหลักการของในหลวงท่าน คืออย่าแค่พูด ต้องลงมือทำ ทำจริง ทำให้เห็น นั่นคือหลักปรัชญาที่พ่อสอนเรามา ก็เลยทำมาเรื่อย ๆ และมีโอกาสทำเมื่อไหร่ก็ทำ ยิ่งพระองค์มาจากเราไปแบบนี้ยิ่งเสียใจครับ เสียใจมาก ๆ เลย ผมก็เลยตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่หายใจทิ้งไปวัน ๆ ทำอะไรได้ผมก็จะทำ ช่วยอะไรใครได้ผมก็จะช่วย บอกตัวเอง และต้องทำให้ได้ และตั้งจิตตั้งใจบอกในหลวงมาทุกวันครับ"


ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าเราเสียใจที่ไม่ได้ทำความดีตอนที่พระองค์ท่านยังอยู่ ?

"ใช่ครับ เนื่องจากเราไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่าน หรือได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านแบบใกล้ชิด พระองค์ท่านทรงงานหนัก พระองค์ท่านตามต่างจังหวัด ตามภูมิภาคที่ไกล ๆ เพียงแค่ตัวเราเองได้เล่นละครวันพ่อ เล่นละครแสง สี เสียงต่อหน้าพระพักตร์ และมีโอกาสศึกษาโครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่านในโครงการพระดาบส ซึ่งเป็นโครงการ 1 ใน 1,513 โครงการ ในภาคอีสาน ที่เราสัมผัสตรงนั้น และเราได้ไปเจอะเจอมา และเราได้เห็นว่า สิ่งที่พระองค์ท่านได้สอน สิ่งที่พระองค์ท่านไม่ใช่แค่สอนอย่างเดียว ท่านช่วยจริง ๆ พื้นที่อีสานแห้งแล้ง แผ่นดินแตกแยก ท่านก็ลงไปสำรวจ มีประชากรเท่าไหร่ หมู่บ้านนี้มีกี่คน น่าจะทำอะไรได้บ้าง มีคนออกจากหมู่บ้านมาทำงานที่กรุงเทพฯ ไปยืมเงิน กู้เงิน ไปทำงานใช้แรงงานอยู่ต่างประเทศ สุดท้ายพระองค์ก็ได้สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ขุดบ่อน้ำ สร้างโครงการแก้มลิง น้ำไม่มี ก็เอาน้ำมาลงม ปลาไม่มี เอาปลามาลง ผักไม่มี เอาผักมาให้ เอานักวิชาการเกษตรมาสอน ปลูกพืชผักที่ไม่เป็นอันตราย เอาปุ๋ยต่าง ๆ มา ผมเองก็เพิ่งรู้นะว่าจอกแหนที่อยู่ในบ่อ สามารถเอามาทำปุ๋ยอินทรีย์ได้ ปกติเราตักออกมาแล้วก็ทิ้งนะ พระองค์ท่านได้ให้ความรู้ด้วย แล้วมีตลาดรองรับ อย่างผักบุ้งจีน เห็นแล้วอยากจะจับมาผัดผักบุ้งไฟแดงเลยอ่ะ คือเป็นสิ่งที่เราได้เห็นพอดีว่าเรารู้จักกับพี่อี๊ด วงฟราย พี่เขาก็ทำรายการและทำเกี่ยวกับโครงการพระดาบส ก็จะลงพื้นที่และชวนศิลปินดาราไป พี่เขาก็มาชวนเรา มาดูในหลวงว่าท่านทำอะไรเพื่อพวกเราชาวไทยบ้าง เราก็ไปลุยอีสานกัน ไปจับปลา ปีนต้นไม้ โดนมดกัด แต่เราก็ได้คุยกับชาวบ้าน ได้เห็นวิถีชีวิต เขาทำปลามาให้เรา เนื้อหวานมาก อร่อยมาก เขาก็เล่าให้เราฟังว่าทุกวันนี้ทำมีกิน พอเหลือกินก็เอาไปขาย ทุกคนอยู่ได้ เลี้ยงลูกจนจบปริญญาตรี ปริญญาโท"


หลังจากที่บี๋ได้คุยกับชาวบ้าน ที่ทำตามพระราชดำริของพระองค์ท่าน ชาวบ้านว่าอย่างไรบ้าง ?
"โห เขาบอกเลยว่า เขาลืมตาอ้าปากได้ เพราะว่าพระองค์ท่าน เป็นบุญบารมีของในหลวงท่านที่ปกเกล้ามาชุบชีวิต มาให้ชีวิตใหม่กับเขาเลย จากที่ต้องกู้หนี้ ยืมสิน จนตอนนี้ปลดหนี้ หมดสินแล้ว มีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยง ส่งลูกเรียนหนังสือ มีอาชีพเป็นเรื่องเป็นราว เพราะความรู้ความสามารถของพระองค์ท่านมีมาก"


เราเองได้เดินตามรอยพระราชดำรัส รู้สึกยังไง ?
"รู้สึกปลาบปลื้ม และเป็นเกียรติแก่ตัวเองและวงตระกูล ภูมิใจ ว่าเรามีพ่อหลวง องค์รัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่าง และเป็นพ่อที่ดี เป็นพ่อที่ให้คำแนะนำและสอนลูกได้ดี เป็นพ่อที่อยากให้ลูกรักกัน เป็นพ่อที่มีแต่ให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างแก่ลูก ๆ แต่ลูก ๆ เคยให้อะไรกับพ่อบ้าง เคยทำอะไรให้กับพ่อบ้าง เคยช่วยอะไรพ่อบ้าง ช่วยไม่ให้พระองค์เสียพระทัยได้ไหม ช่วยรักกันได้ไหม เพื่อให้คนไทยอยู่อย่างมีความสุข ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ได้เตือนสติพวกเราให้น้อมนำในสิ่งที่พระองค์ท่านสอน นำมาปรับใช้ มาทำความดี พูดจริง คิดดี แล้วต้องลงมือทำ ทำความดีให้กับพระองค์ท่าน"


ความรักที่มีต่อในหลวง อธิบายได้ไหมว่ามีมากมายแค่ไหน ?
"ผมเชื่อว่าความรักที่มีต่อในหลวงนะครับ คงเหมือนกับทุก ๆ คนที่รักท่าน เหมือนทุกคนที่อยากให้มีปาฏิหาริย์ ไม่อยากให้พระองค์ท่านนอนหลับไปแบบนี้ อยากให้พระองค์ท่านอยู่ให้ครบ 120 พรรษา เหมือนที่พระองค์ท่านตั้งใจไว้ ความรักนี้มันอธิบายเป็นคำพูดตัวหรือตัวอักษรไม่พอด้วยซ้ำ แต่เรารู้ว่าเรารักพระองค์ท่าน เราเคารพพระองค์ ผมเชื่อว่า ถ้า ณ เวลานี้ พระองค์ท่านมองดูเราอยู่ ท่านคงอยากจะดูว่าลูก ๆ ของพระองค์ท่าน จะทำความดีอะไรบ้าง อย่างน้อยขออย่างเดียว อย่าคิดชั่ว อย่าทำชั่ว อย่าอิจฉาริษยากัน ผมเชื่อว่าพระองค์ท่านคงมีความสุข"


ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือการตั้งปณิทานว่าจะทำความดี ถวายในหลวง ?
"ดีมาก ๆ ตอนที่เรายังดิดไม่ได้ ทำไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่วันหนึ่งที่มีอะไรมาเตือนสติให้เราสามารถลุกขึ้นมา ปฏิญาณตนว่า ต่อไปนี้ฉันจะทำความดี ต่อไปนี้จะลงมือทำ ต่อไปนี้จะคิดดีทำดี พูดดี มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และเกิดผลดีกับตัวเราและคนรอบข้าง ดีกับพ่อแม่ ดีกับคนที่ทำงาน ดีกับเพื่อนเรา และเพื่อนร่วมโลก ความดี ในทางพุทธศาสนาคือ ทำดี ย่อมได้ดี ถ้าทำไม่ดี สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้น หลายคนตั้งจิตแล้ว ผมขอให้ทำนะ ทำต่อไปเรื่อย ๆ เป็นกำลังใจให้สู้ ๆ กัน ทำความดีอะไรก็ได้ อย่าหายใจทิ้งไปวัน ๆ ทำความดีและรักพระองค์ท่าน ถ้าทุกคนทำได้ประเทศเราจะดี ถ้าทุกคนทำดี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่อิจฉา ริษยากัน ทุกคนรักกัน สามัคคีกัน เหมือนเราเชียร์กีฬา นั่นแหละมันจะเกิดปาฏิหาริย์ ชาวโลกจะมองว่า การจะมาชนะในเมืองไทยมันยาก ณ วันนั้นเราจะไม่แบ่งแยกสีกันแล้ว เราจะไม่เกลียดกัน การทำดีมันยาก เห็นผลช้า แต่ต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้น สิ่งไม่ดีจะเข้ามาหาเรา และสร้างพลัง พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกได้ ลูกสามารถทำความดี ให้พ่อแม่ดูได้ มันจะสนับสนุนกัน โดยจิตสำนึกของเรา คนไทยอายุไขเฉลี่ย 70 ปี นะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังไม่ทำความดี กรรมดีเหล่านั้นจะห่างหายไป หมั้นทำความดี บุญกุศลจะมาหาเราเอง สุดท้ายจะดีต่อผืนแผ่นดินไทย คิดดูว่าจะมีที่ไหนมีความสุขเท่าเมืองไทยอีก กษัตริย์ "จิกมี" ท่านยังทรงมาเลียนแบบพระองค์ท่านเลย ทำความชั่วมันง่าย ทำความดีสิยาก และท้าทายกว่า"


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook