7 กษัตริย์มหาราชของชาติไทย

7 กษัตริย์มหาราชของชาติไทย

7 กษัตริย์มหาราชของชาติไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนที่ประเทศไทยจะเป็นปึกแผ่นและร่มเย็นมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆมากมายทั้งการถูกรุกราน ภัยสงคราม ความล้าหลัง การถูกล่าอาณานิคม แต่ด้วยพระปีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยจึงทำให้ประเทศไทยฝ่าฝันอุปสรรคนานานับประการมาได้และด้วยพระราชอัจฉริยภาพประเทศไทยจึงเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้

ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ที่มีบุญคุณต่อประเทศไทยประชาชนถึงถวายคำว่า "มหาราช" ต่อท้ายพระสมัญญานามเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย

มหาราช หมายถึง คำซึ่งมหาชนถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งนี้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้รับสมัญญานาม "มหาราช" มีด้วยกัน 7 พระองค์

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือ พญาร่วง เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 ในราชวงศ์พระร่วงแห่งราชอาณาจักรสุโขทัย เสวยราชย์ประมาณ พ.ศ. 1822 ถึงประมาณ พ.ศ. 1841 พระองค์ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับอาณาจักรสุโขทัยเป็นอย่างมาก เช่น ริเริ่มประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้เอง เมื่อปี พ.ศ.๑๘๒๖ , ขยายอาณาจักรให้กว้างไกล,

เปิดการค้าเสรีและปกครองบ้านเมืองอย่างยุติธรรมเสมือน "พ่อปกครองลูก" ,ทรงรับเอาพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์เข้ามา จนเป็นศาสนาประจำชาติในปัจจุบัน เนื่องด้วยการดำเนินพระราชกรณียกิจที่สำคัญทำให้พระองค์ทรงได้รับการยกย่องเป็นกษัตริย์ "มหาราช" พระองค์แรกของกษัตริย์ไทย

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่าพระนเรศ หรือ "พระองค์ดำ" พระองค์ทรงเป็นผู้กอบกู้เอกราชให้กับไทยหลังจากเสียกรุงครั้งที่ 1 และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ทางด้านทิศเหนือก็ถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด และยังรวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ

พระองค์ทรงเป็นนักรบชนะศึกหลายครั้งหลายครา โดยเหตุการณ์สำคัญที่พระองค์ทรงใช้ไหวพริบปฎิภาณ และความเก่งกาจในด้านการรบ คือวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2135 พระมหาอุปราชาของพม่าได้ยกทัพมาตีไทย พระองค์ทรงชนช้างกระทำยุทธหัตถี และทรงฟันพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ตั้งแต่นั้นมาพม่าก็เกรงกลัว เลิกยกทัพมารุกรานไทยอีก

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญ เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ทรงติดต่อเจริญพระราชไมตรีกับนานาประเทศ ทรงติดต่อการค้ากับชาวต่างชาติ และเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ก็ทรงแก้ไขด้วยความเฉลียวฉลาด

ในยุคของพระองค์ถือเป็นยุคทองแห่งวรรณคดีไทย เนื่องจากพระองค์ทรงอุปถัมภ์และส่งเสริมการกวี จนเป็นเหตุให้เกิดมีกวีที่มีชื่อเสียงหลายคน มีวรรณคดีเกิดขึ้นหลายเล่ม

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 มีพระนามเดิมว่า สิน พระองค์เป็นผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ทรงใช้เวลา ๗ เดือนในการขับไล่ทหารพม่าออกจากราชอาณาจักรจนหมดสิ้น

และทรงทำสงครามเพื่อรวบรวมแผ่นดินซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของขุนศึกก๊กต่าง ๆ ให้เป็นปึกแผ่น เช่นเดียวกับขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง จากนั้นทรงสร้างกรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่ของไทย

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกในราชวงศ์จักรี และเป็นผู้ทรงสร้างกรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ ฯลฯ เป็นราชธานีของไทย

ทรงกระทำศึกสงครามกับพม่าหลายครั้ง ทรงขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง ทรงสร้างปราสาทราชวัง ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเวียงจันทร์ สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดอื่นๆ ทรงรื้อฟื้นสังคายนาพระไตรปิฎก รวบรวมกฎหมายตราสามดวง และโปรดให้แต่งบทละครต่างๆ ขึ้นแทนของเก่าที่ถูกพม่าเผาทำลาย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ สมเด็จพระปิยมหาราช

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ได้รับสมัญญาว่า "ปิยมหาราช" แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก และว่า "พระพุทธเจ้าหลวง"

พระองค์ทรงมีประปรีชาสามารถยิ่งในการรักษาประเทศไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม อีกทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยะประเทศ พระราชกรณียกิจที่สำคัญเช่น ทรงโปรดให้มีการเลิกทาส,เลิกไพร่,จัดตั้งไปรษณีย์ไทย ,โทรศัพท์และโทรเลข ,การไฟฟ้าและการประปา,จัดสร้างทางรถไฟ,ตั้งโรงเรียนและโรงเรียนกฎหมาย,ทรงริเริ่มสร้างโรงพยาบาลศิริราช,แต่งตั้งกระทรวงต่างๆในการบริหารประเทศ

ทั้งนี้พระองค์ยังทรงห่วงใยราษฎรเป็นอย่างมาก เห็นได้จากที่พระองค์ทรงปลอมตัวเป็นสามัญชนเพื่อเสร็จเยี่ยมประชาชนอยู่บ่อยๆ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากกับประเทศไทย จากการวางรากฐานและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรื่องมาจนถึงทุกวันนี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ สมเด็จพระภัทรมหาราช

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยผู้เสวยราชย์ยาวนานที่สุดคือ 70 ปีพระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระภัทรมหาราช" มีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง" ต่อมามีการถวายพระราชสมัญญาใหม่ว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" เมื่อ พ.ศ. 2510 และ "พระภูมิพลมหาราช" อนุโลมธรรมเนียมเช่นเดียวกับ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า "พระปิยมหาราช"

แต่ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกพระองค์ว่า "ในหลวง" โดยย่อมาจาก "ใน (พระบรมมหาราชวัง) หลวง" บ้างก็ว่าเพี้ยนมาจากคำว่า "นายหลวง" ซึ่งแปลว่าเจ้านายผู้เป็นใหญ่

พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรก และพระองค์เดียวของโลก ที่ได้รับการถวายการรับจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ทรงเป็นแบบอย่างที่ประชาชนสมควรเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในการประดิษฐ์คิดค้น สร้างสรรค์ และพัฒนาเทคโนโลยีของไทยขึ้นมาใช้เอง รวมทั้งการรักษาสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาจากผลงานที่ได้คิดค้นขึ้น

สำหรับสิทธิบัตร 4 ฉบับ ที่กระทรวงพาณิชย์ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้แก่

ฉบับที่ 1 เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือกังหันน้ำชัยพัฒนา
ฉบับที่ 2 เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ
ฉบับที่ 3 การใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
ฉบับที่ 4 "ฝนหลวง" ฝนที่ตกนอกเหนือจากที่จะได้รับจากธรรมชาติฯ

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงคิดค้นปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำได้ จนเป็นที่ยอมรับในพระปรีชาสามารถจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังมีประปรีชาสามารถในด้านดนตรีและกีฬาอีกด้วย

พระองค์ทรงห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงเสียสละเวลาความสุขส่วนพระองค์เพื่อดูแลประชาชน พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนได้อยู่ดีกินดี นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปรียบเสมือน "พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย" และทรงเป็นที่รักของประชาชนชาวไทยทุกคน

"พ่อหลวง"ไม่เคยทิ้งประชาชน นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของปวงชนชาวไทยที่ได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

คือ กษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก
คือ กษัตริย์ที่ทรงดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายที่สุดในโลก
คือ กษัตริย์ที่ประชาชนรักและเทิดทูนมากที่สุดในโลก
คือ "พ่อหลวง" ที่อยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตลอดกาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook