นริศรยอมรับอดีตส.ส.ฝากบัตรสมาชิกไว้หลายคน

'นริศร' ยอมรับกลางสภา อดีต ส.ส.เพื่อไทย 'ยุทธพงศ์-คมเดช' เคยฝากบัตรไว้ และมีอดีต ส.ส. อีกหลายคนเคยฝากด้วย - 'สุภา' ย้ำ คลิป 'นริศร' เสียบบัตรหลายใบเป็นของจริง ไม่มีการตัดต่อ

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นัดสมาชิกในการดำเนินการถอดถอน นายนริศร ทองธิราช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ออกจากตำแหน่ง กรณีถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเนื่องจากการใช้บัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนแทนบุคคลอื่น ในการประชุมเพื่อพิจารณาการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาสมาชิกวุฒิภา ในขั้นตอนการตอบข้อซักถาม โดย นายนริศร ชี้แจงว่า ส่วนตัวมีโรคประจำเป็นโรคหัวใจและได้รับการผ่าตัดหลายครั้ง ส่งผลให้เป็นโรคประสาทมีพฤติกรรมอยู่เฉยไม่ได้ และในการประชุมสภาจึงมักจะมีนิสัยชอบเสียบบัตรหลายครั้ง โดยได้นำบัตรสมาชิกสภาในหลายสมัยมาแสดงต่อสมาชิก สนช. และยืนยันว่าแม้จะเสียบบัตรใบหลายใบแต่คนคะแนนจะขึ้นเพียงคะแนนเดียว พร้อมกันนี้ นายนริศร ยังยอมรับว่า นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร นายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีต ส.ส. เคยฝากบัตรสมาชิกไว้กับตนเองจริง เช่นเดียวกับสมาชิกอีกหลายคน เพื่อฝากแสดง เพราะตนเองมาเข้าร่วมการประชุมทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ประธานที่ประชุมได้นัดแถลงปิดสำนวนคดีในวันที่ 3 พ.ย. และลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนในวันที่ 4 พ.ย. ที่จะถึงนี้

 

"สุภา"ย้ำคลิป"นริศร"เสียบบัตรหลายใบเป็นของจริง

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ในการดำเนินกระบวนการถอดถอน นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรณีการใช้บัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่น ในการประชุมเพื่อพิจารณาการปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาสมาชิกวุฒิภา ซึ่งขั้นตอนในวันนี้เป็นการซักถามคู่กรณี ทั้ง 2 ฝ่าย โดย นางสาวสุภา ปิยะจิตติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะผู้กล่าวหา ในการพิจารณาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบโดยสถาบันนิติวิทยา และยืนยันแล้วว่าคลิปที่ปรากฏภาพ นายนริศร เสียบบัตรลงคะแนนหลายใบนั้นเป็นของจริง ไม่มีการตัดต่อ และรัฐสภายืนยันว่า นายนริศร มีบัตรสมาชิกเพียงใบเดียว ไม่มีประวัติของบัตรสำรองแต่อย่างใด ดังนั้น จึงจะต้องใช้ด้วยความสุจริต ยุติธรรม 1 เสียง คือบัตร 1 ใบ และที่ ป.ป.ช. ชี้มูล เพราะเห็นได้ชัดเจนเป็นการใช้สิทธิ์เกิน เพราะกดบัตรแทนผู้อื่น และแม้ ป.ป.ช. จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าอีก 2 คนที่เหลือ เป็นใคร แต่ก็ต้องการทราบ เพื่อการชี้มูลต่อไป 

นางสาวสุภา ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินการของ นายนริศร เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 123 และ 123/1 ของ พ.ร.บ. ป.ป.ช. ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องต่อให้สำนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว