ฝันเป็นจริง ลุงท้าวแสนปม เตรียมเข้ากรุงกราบพระบรมศพ

ฝันเป็นจริง ลุงท้าวแสนปม เตรียมเข้ากรุงกราบพระบรมศพ

ฝันเป็นจริง ลุงท้าวแสนปม เตรียมเข้ากรุงกราบพระบรมศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(17 พ.ย.) นายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง พร้อมด้วยนายจรูญ พรหมน้อย ปลัดอาวุโสอำเภอเบตง และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงและศูนย์พัฒนาการจากสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านทักษิณจังหวัดยะลา อบจยะลา คณะแพทย์จากโรงพยาบาลเบตง นำข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องดื่ม และเงินสดจำนวน 17,000 บาท ไปมอบให้กับ นายชิติ เจริญรัตนประภา วัย 60 ปี ที่ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม (อ่านข่าว : ชีวิตสุดรันทด ลุงท้าวแสนปม อยากเข้ากรุงถวายอาลัย ร.9)

โดยจากการสอบถามความเป็นอยู่ นายชิติ เล่าว่า ตนเองได้มาอาศัยบ้านพักคนงานชาวพม่า หลังเดินทางมากับเพื่อนชาวพม่าเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เพื่อนชาวพม่าถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไปเมื่อเดือนตุลาคม จึงทำให้ต้องอยู่เพียงลำพัง ไม่มีงานทำ เนื่องจากป่วยเป็นโรคท้าวแสนปม จึงไม่มีคนรับเข้าทำงาน ด้วยความสงสารเพื่อนบ้านจึงนำเรื่องราวของตนไปโพสต์ และมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่ง ลุงชิติ มีความต้องการเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพ เพื่อเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ส่วนการช่วยเหลือนายชิติ เจริญรัตนประภา สามารถช่วยเหลือได้ที่หมายเลขบัญชี 0091648385 ธนาคาร กสิกรไทย สาขาสำเหร่ ซึ่งขณะนี้มียอดบริจาคเกือบ หนึ่งแสนบาทแล้ว

ส่วนการที่มีผู้ใจบุญจะให้งานลุงทำนั้น ลุงชง กล่าวว่า ขอขอบคุณ แต่จะไม่ไปไหนจะอยู่ที่อำเภอเบตงต่อไปเพราะคนที่นี่มีจิตใจงดงามและเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ไม่รังเกียจตน เหมือนที่ผ่านมา หลังจากที่ออกสื่อต่างๆทำให้กลัวว่าหากไปอยู่กรุงเทพฯคนจะมาหาสู่เพื่อมาขอเงินแก ดังนั้นจึงขออยู่ที่อำเภอเบตง อย่างสงบดีกว่า

นายดำรง ดีสกุล นายอำเภอเบตง กล่าวว่า ในการให้การช่วยเหลือ นายชิติ เจริญรัตนประภา ทางอำเภอเบตงและหน่วยงานต่างๆจะให้การช่วยเหลือโดยการหาที่อยู่และสร้างบ้านใหม่ให้รวมทั้งหาอาชีพให้เพื่อการดำรงชีพด้วยตนเองได้ต่อไป และหลังจากที่ได้ไปกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะกลับมาอยู่อำเภอเบตงต่อไป และส่วนเงินที่ได้รับบริจาคจะเก็บไว้เป็นทุนรวมทั้งทุนซื้อลอตเตอรี่มาขาย เพราะงานอย่างอื่นที่อยู่กับคนทั่วไปคงจะหางานทำไม่ได้

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง ระบุว่า โรคท้าวแสนปมไม่ใช้โรคติดต่อ เนื่องจากโรคผิวหนังที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม สามารถรักษาตามอาการได้ โดยวิธีการตัดก่อนเนื้อ และผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ อีกทั้งสังคมไม่ควรรังเกียจ เนื่องจากไม่ใช่โรคติดต่อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook