อดีตผู้ป่วยถวายฎีกา สุดซาบซึ้ง เจ้าหน้าที่โทรแจ้ง "ทรงเป็นห่วง"

อดีตผู้ป่วยถวายฎีกา สุดซาบซึ้ง เจ้าหน้าที่โทรแจ้ง "ทรงเป็นห่วง"

อดีตผู้ป่วยถวายฎีกา สุดซาบซึ้ง เจ้าหน้าที่โทรแจ้ง "ทรงเป็นห่วง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

( 17 พ.ย.) นายสัญญา เกศทองคำ อายุ 37 ปี ทนายความอิสระ เปิดเผย ความประทับใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ หลังป่วยเป็นโรค M.G. (กล้ามเนื้ออ่อนแรง) ไม่มีเงินรักษาตัวเมื่อ 5 ปีก่อน โดยโรคดังกล่าวมีโอกาสเป็นแค่ 1-2 คน ต่อประชากร 1 แสนคน

โดยประมาณปี พ.ศ.2548 เริ่มมีอาการเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หมอบอกว่ายังมีโอกาสรักษา จึงเริ่มรักษาตัวตามอาการที่โรงพยาบาลศิริราชประมาณ 2 ปี ช่วงนั้นพอหาเงินรักษาตัวเองได้ จนปี 2551 หลังแต่งงานเริ่มมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จึงหันไปรักษาแพทย์ทางเลือก ทำให้อาการกำเริบจนต้องลาออกจากงาน ช่วงปี 2554 เป็นช่วงวิกฤตทั้งเรื่องปัญหาทางครอบครัวต้องแยกกันอยู่กับภรรยา 

มีอยู่วันหนึ่งนั่งดูทีวีเห็นข่าวในพระราชสำนักเห็นรูปพระเจ้าอยู่หัว ความรู้สึกเกิดขึ้นว่า พระองค์คือผู้ที่จะมาช่วยเหลือให้ชีวิตใหม่ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 ได้นำฎีกาที่พิมพ์ไว้ไปยื่นที่สำนักพระราชวัง เย็นวันเดียวกันอาการทรุดหนัก ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลราชบุรีตามสิทธิ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียูกว่า 10 วัน

นายสัญญา เล่าอีกว่า ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เพราะได้ไปยื่นหนังสือถวายฎีกาช่วงกลางวัน โดยเย็นวันนั้นก็เข้าโรงพยาบาลรักษาตัว และไม่ได้ติดตามสอบถามไปที่สำนักพระราชวังอีกเลย หนังสือถวายฎีกาที่อยู่ลงไว้เป็นที่อยู่ของหอพักเดิม เบอร์โทรศัพท์ก็ได้เปลี่ยนแล้ว แต่มีอยู่วันหนึ่งมีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าโทรจากสำนักพระราชวัง คำแรกที่จำได้แม่นยำคือ เจ้าหน้าที่บอกว่าติดต่อคุณสัญญาไม่ได้เลย "ทั้งสองพระองค์ได้รับหนังสือฎีกาจากคุณสัญญาแล้วและทรงเป็นห่วง"

พอได้ยินคำว่าเป็นห่วงรู้สึกตื้นตัน เพราะเราเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดา แต่พระองค์ทรงเป็นห่วงและทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระองค์ทรงมีพระเมตตา ให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลราชบุรีฝากตัวผมให้โรงพยาบาลช่วยดูแลรักษา และยังแจ้งว่าส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากการรักษา นอกเหนือสิทธิประกันสังคม ทางสำนักพระราชวังโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถจะให้ความอนุเคราะห์ ซึ่งมีหนังสือทั้ง 2 ฉบับที่ได้ส่งมา พออ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจมาก หลังรักษาได้ระยะหนึ่งจนอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ทางสำนักพระราชวังได้ติดต่อสอบถามอาการเป็นระยะ และยังบอกว่าถ้ายังมีความจำเป็นที่จะรักษาตัวอีก ให้ติดต่อกลับไปที่สำนักพระราชวังได้

หลังจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทั้งสองพระองค์แล้วทำให้ชีวิตเปลี่ยน หลังจากที่ช่วงที่ชีวิตแย่ได้อธิษฐานไว้ว่าถ้าหากรอดชีวิตกลับมาจะขอทำตัวเป็นคนดี ทำหน้าที่ลูกที่ดีของครอบครัว เลี้ยงดูลูกสาวคนเดียว ขอกลับมาดูแลทำหน้าที่ให้ดี หลังจากที่ล้มป่วยมานาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook