ทำดีแต่เกือบติดคุก! สองแถวเก็บกระเป๋าคืนต่างชาติ เจ้าของโวยเงินไม่ครบ

ทำดีแต่เกือบติดคุก! สองแถวเก็บกระเป๋าคืนต่างชาติ เจ้าของโวยเงินไม่ครบ

ทำดีแต่เกือบติดคุก! สองแถวเก็บกระเป๋าคืนต่างชาติ เจ้าของโวยเงินไม่ครบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(7 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวพัทยา เขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเรียกตัวผู้ขับขี่รถสหกรณ์สองแถวพัทยา หมายเลข 402 ทะเบียน 10-5221 ชลบุรี เพื่อมาสอบข้อเท็จจริง หลังจากผู้ขับขี่รถรายดังกล่าวสามารถเก็บกระเป๋าทรัพย์สินส่งคืนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้แต่กับมีปัญหาระหว่างกัน ด้วยนักท่องเที่ยวแจ้งว่าทรัพย์ สินที่ได้รับคืนมานั้นมีบางส่วนที่สูญหายไป

โดยเมื่อเดินทางไปถึงพบ นายพรทิพย์ ชวนใจลึก อายุ 46 ปี โชเฟอร์รถสหกรณ์สองแถวพัทยา พร้อมกลุ่มเพื่อร่วมอาชีพจำนวนหนึ่งกำลังแจ้งข้อมูลและรายละเอียดเบื้องต้นให้กับเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ โดยมี พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ทำหน้าที่เป็นผู้สอบสวนรายละเอียด ก่อน ที่ นายพรทิพย์ จะออกมาเปิดเผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะขับรถตะเวนรับผู้โดยสารอยู่บริเวณหน้าโครงการวอล์คกิ้ง สตรีทพัทยาใต้ ในช่วงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นมีนักท่อง เที่ยวชาวญี่ปุ่นจำนวน 5 คน อายุระหว่าง 25-50 ปี ที่อยู่ในอาการเมาสุรา ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นกลุ่มทีม งานของนักแข่งเจ็ทสกี ที่มาแข่งขันชิงแชมป์โลกที่เมืองพัทยา ในระหว่างวันที่ 2-4 ธันวาคมที่ชายหาดจอมเทียน โบกรถเพื่อขอเหมาให้ไปส่งที่โรงแรมดิวารี ชายหาดจอมเทียนในราคา 300 บาท จึงรับไปส่งตามปกติโดยเมื่อมาถึงจุดหมายก็แยกออกรถไปพบพี่ชายเพื่อสังสรรค์ที่ห้องพัก

กระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันเดียวกันจึงเดินกลับมาที่รถเพื่อเตรียมกลับที่พัก ช่วงนั้นพบเห็นกระเป๋าสะพายหนังสีดำถูกวางไว้ที่เบาะนั่งด้านหลัง จึงเรียกพี่ชายออกมาร่วมตรวจสอบภายในก็พบเอกสารหลายรายการ ทั้งพาสปอร์ต ใบขับขี่ และเงินสดจำนวน 21,020 บาท ด้วยเห็นว่าเป็นของสำคัญจึงพาพี่ชายขับรถกลับไปที่โรงแรม ก่อนประสานกับทางเจ้าหน้าที่ให้ตามนักท่องเที่ยวมารับทรัพย์สิน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงทางโรงแรมก็แจ้งว่าไม่สามารถปลุกนักท่องเที่ยวได้ โดยคาดว่ามีอาการเมาสุราอย่างหนัก แต่ด้วยจำเป็นต้องออกไปทำงานต่อและไม่อยากฝากทรัพย์สินไว้กับทางโรงแรมเพราะเกรงว่าจะส่งคืนไม่ถึงมือนักท่องเที่ยว จึงได้จดเบอร์โทร ศัพท์และเบอร์รถให้ไว้เพื่อให้ทางโรงแรมติดต่อกลับก่อนเดินทางออกมา

นายพรทิพย์ เล่าต่อว่าหลังผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีการประสานจากทางโรงแรม กระทั่งได้รับแจ้งจากทางสหกรณ์สองแถวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานให้เดินทางเข้าพบ เนื่องจากนักท่องเที่ยวไปแจ้งว่าทรัพย์สินสูญหาย จึงย้อนกลับไปที่โรงแรมและสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ฝากเบอร์ไว้ก็ทราบว่าทำเบอร์หายไปแล้วจึงได้นัดหมายผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบกันเพื่อส่งคืนที่สำนักงานสหกรณ์สองแถวพัทยา

ปรากฏว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามนัดพร้อมทำการตรวจสอบ ก็แจ้งว่าทรัพย์สินในกระเป๋ามีอยู่ไม่ครบตามเดิม โดยระบุว่าก่อนหน้านี้มีเงินสดอยู่ในกระเป๋าจำนวน 70,000 กว่าบาท และนาฬิกาคาสิโออีก 1 เรือน ซึ่งกรณีดังกล่าวก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะส่วนตัวแล้วมีเจตนาดีที่จะนำทรัพย์ สินมาคืนและก็ไม่ได้ทำการยักยอกทรัพย์แต่อย่างใด จนสุดท้ายเมื่อเล่าความจริงให้ฟังนักท่องเที่ยวก็แสดงความขอบคุณและแจ้งว่าจริงๆก็ต้องการเพียงเอกสารสำคัญจำพวกพาสปอร์ต และใบทะเบียนนายท้ายเรือเท่านั้น

สำหรับส่วนตัวแล้วคงไม่คิดอะไรมากแม้จะเสียความรู้สึกอยู่บ้าง เพราะมีเจตนาดีและก็ไม่คิดจะเอาทรัพย์สินของผู้ใด โดยเฉพาะชาวต่างชาติเพราะอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวแต่กลับมาเจอปัญหาเช่นนี้  อย่างไรก็ตามจากนี้ก็จะยังคงทำงานตามปกติและตั้งใจทำดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook