เข้ายื่นหนังสือขอให้ระงับการขอจดทะเบียน บริษัท อินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2559 นายสุวนิตย์ ศิริสิงหล กรรมการและตัวแทนผู้ถือหุ้นบริษัท อินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอให้ระงับการขอจดทะเบียน บริษัทอินเตอร์โดเมสติคฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บริษัทอินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด เจ้าของธุรกิจโรงแรม แกรนด์ บิสซิเนส อินน์ โดยมีนายสำรวย แดงด้วง รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และนายสมบุญ โมจนกุล ผอ.กองทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกมารับเรื่องแทน โดยมีคณะสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก

นายสุวนิตย์ ศิริสิงหล กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท อินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด กล่าวว่า วันนี้ได้นำหลักฐานประกอบด้วย 1.หนังสือรับรองบริษัทอินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด 2.สำเนาบันทึกประจำวัน แจ้งเรื่องปลอมตราประทับบริษัทฯ และ 3. คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณา มายื่นต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บริษัทอินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ได้มีกลุ่มบุคคลร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร , ตราประทับ , บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท อินเตอร์ โดเมสติค เคอร์เรนซี่ จำกัด และนำมายื่นคำขอจดทะเบียน เป็นคำขอเลขที่ 75590810-403 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตนเองในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทฯจึงได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวฯต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.1831/2559

ซึ่งการเดินทางมาที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอให้นายทะเบียนฯ พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้มีอำนาจหน้าที่ทางกฎหมาย ดำเนินการระงับการจดทะเบียน แก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนตามคำขอดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เพื่อความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งหากคู่กรณีดำเนินการจดทะเบียน แก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนตามคำขอ ก็จะสร้างความเสียหายต่อตนเองเป็นอย่างมาก เพราะหากมีการจะทะเบียนฯตามคำขอ ก็อาจจะมีการจำหน่าย จ่าย โอน ทรัพย์สินของบริษัทฯ เนื่องจากทางบริษัทฯประกอบธุรกิจโรงแรม มีรายได้ และทรัพย์สิน เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

ดังนั้นแล้ว หากมีนายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนตามคำขอ และผู้ได้รับการจดทะเบียนไปดำเนินการ โอนขายทรัพย์สินของบริษัทนั้นเสียแล้ว ก็ยากที่จะเยียวยาความเสียหายและยากแก่การนำทรัพย์สินกลับมาให้อยู่ในสภาพดังเดิม หรือกลับสู่ฐานะเดิมได้อีกต่อไป จึงอยากจะขอความกรุณาจากนายทะเบียนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้มีการระงับการจดทะเบียนแก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆของบริษัท จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วยการจะทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. 2554 ข้อ 85 วรรค 3

ทางด้าน นายสมบุญ โมจนกุล ผอ.กองทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยยืนยันว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ทำหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับ พร้อมรับปากจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”