แพทย์แจงหัวเชื้อน้ำพริกแมงดา ไม่อันตราย

แพทย์แจงหัวเชื้อน้ำพริกแมงดา ไม่อันตราย

แพทย์แจงหัวเชื้อน้ำพริกแมงดา ไม่อันตราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยหัวเชื้อน้ำพริกแมงดา ใช้ปรุงอาหารได้ไม่อันตราย ขอผู้บริโภคไม่ต้องกังวลข่าวหัวเชื้อน้ำพริกแมงดานาทำให้โฟมละลาย 

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กลิ่นของแมงดานาเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่มาจาก gland liquid เป็นฟีโนโมนเพศ สำหรับดึงดูดตัวเมียในการผสมพันธุ์ ที่ประกอบด้วยสารหลายชนิด สารที่มีกลิ่นหอมเฉพาะนี้ จะมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย แต่ตัวผู้จะมีกลิ่นแรงกว่า กลิ่นนี้จะมีก็ต่อเมื่อแมงดานาโตเต็มวัยพร้อมที่จะผสมพันธุ์เท่านั้น 

นอกจากนี้ แมงดานา ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วย โปรตีน 19.8 กรัม ไขมัน 8.3 กรัม แคลเซียม 43.5 มิลลิกรัม เหล็ก 13.0 มิลลิกรัมต่อแมงดา 100 กรัม ปัจจุบันอุตสาหกรรมทำน้ำพริกแมงดานั้น ต้องการแมงดานาเป็นจำนวนมาก แต่แมงดานานั้นหายาก จึงมีการสังเคราะห์สารเลียนแบบฟีโนโมนเพศของแมงดา ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า "กลิ่นแมงดา" เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุแต่งกลิ่นอาหาร กลิ่นแมงดาประกอบด้วยสาร 4 ชนิด ได้แก่ โพรพิลีนไกลคอล (Propylene glycol) เอทิล อะซิเตต (ethyl acetate) เฮกซิล อะซิเตต (hexyl acetate) และ ไดเมทิลซัลไฟด์ (dimethyl sulfide)

ซึ่งจากกรณีที่มีข่าวว่าหัวเชื้อน้ำพริกแมงดา ทำให้โฟมละลายได้นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หากใช้ตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลาก เพราะวัตถุแต่งกลิ่นแมงดานั้น ได้มาจากการผสมของสารสำคัญในกลุ่มสารอินทรีย์ที่ให้กลิ่นและรสหลายชนิดเข้าด้วยกัน เช่น สารเฮกซิล อะซิเตต (hexyl acetate) สารกลุ่มเอสเตอร์ (ester) ที่เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติทางเคมีสามารถใช้เป็นตัวทำละลาย เรซิน โพลิเมอร์ ไขมันหรือน้ำมันได้ จึงสามารถทำให้โฟม ซึ่งมีส่วนประกอบหลัก คือ สารกลุ่มโพลิเมอร์ ละลายได้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook