เทือกย้ำปธน.แม้ว สภาเดือด! พท.ตั้งกระทู้ไล่ยำ

ขึ้นสน.แจ้งจับซ้ำ ถกพรบ.สูงอายุ-ดุ สส.หวิดฟาดปาก เติ้งเตือนมาร์ค รบ.อย่าใจแคบ!

ทนายแม้วขึ้นสน.ดุสิตแจ้งจับเทือกหมิ่นประมาท ใส่ร้ายจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี เตรียมฟ้องอาญา-แพ่งซ้ำอีกรายการความจริงวันนี้ดีเดย์ 14 ก.พ.จะให้แม้วโฟนอินโต้ข้อหา นัดเคลื่อนไหวใหญ่ 17 ก.พ.ชุมนุมสนามหลวงก่อนเคลื่อนมาทวงสัญญามาร์คที่ทำเนียบ เทือกยอมรับพูดจริงเพราะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าแม้วอยากเป็นประธานาธิบดี มาร์คยกทีมไปญี่ปุ่นเรียกความเชื่อมั่นการลงทุน และตามเงินกู้มาสร้างรถไฟฟ้า ไม่มีปัญหาส.ส.เพื่อไทยเตรียมยกโขยงไปเยี่ยมแม้ว ชี้อดีตนายกฯอยู่ต่างแดนไม่รู้สภาพความจริงประเทศไทยว่าชาวบ้านต้องการอะไร เติ้งเปิดใจก่อนไปพักผ่อนฮ่องกง ฝากปชป.การจัดสรรงบต้องใจกว้างอย่าใจแคบกับพรรคร่วม ขอให้นึกถึงตอนไปชวนมาร่วมรัฐบาลด้วย สภาเดือดทั้งวันช่วงสายเพื่อไทยตั้งกระทู้ถามเทือกกล่าวหาแม้ว เกิดวิวาทะตอบโต้กันไปมา ช่วงค่ำระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ฝ่ายรัฐบาลดัดหลังฝ่ายค้านเสนอปิดประชุม ทั้งๆที่ยังไม่มีการอภิปรายแม้แต่คนเดียว ฝ่ายค้านพยายามประท้วงแต่เสียงสู้ไม่ได้ สุดท้ายประธานต้องให้ลงมติ ปรากฏว่าเสียงรับหลักการผ่านฉลุย

มาร์คไม่มีปัญหาส.ส.พท.ไปพบแม้ว

เมื่อเวลา 06.50 น.วันที่ 5 ก.พ.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ถึงกรณีที่ 30 ส.ส.พรรคเพื่อไทยเตรียมไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชาว่า พวกเขาทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ตนไม่คิดว่าจะมีปัญหา แต่อยากฝากไว้ว่าขณะนี้ประชา ชนต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ และทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหามากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง จึงอยากให้ฝ่ายการเมืองทุกคนคิดถึงจุดนี้

พอดีท่านนายกฯ ทักษิณไม่ได้อยู่ประเทศไทย ท่านอาจไม่ทราบว่าความเดือดร้อนตรงนี้คืออะไร ดังนั้นถ้าหากปัญหาความขัดแย้งและปัญหาด้านการเมืองลุกลาม มันจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ผมจึงอยากให้คนที่อยู่ที่นี่ที่เป็นฝ่ายการเมืองได้คิดถึงให้มากที่สุด นายอภิสิทธิ์กล่าว

ยอมรับแก้ปัญหานอกสภายากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินหรือไม่ว่าทำไมพ.ต.ท. ทักษิณจึงออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่ปัญหาการเมืองค่อนข้างหนัก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงไม่มีอะไรซับซ้อน พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมพ.ต.ท.ทักษิณต้องเคลื่อนไหว เมื่อถามว่ามีข่าวว่าจะใช้นานาชาติกดดันประเทศไทย รวมทั้งใช้ความเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาเพื่อให้รัฐบาลยุบสภาใน 3 เดือน นายกฯ กล่าวว่า เคลื่อนไหวได้ เราไม่ได้วิตกกังวล แต่สำหรับต่างประเทศตนคิดว่าช่วงเดือนที่ผ่านมารัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ เข้าใจดี

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนความเคลื่อนไหวในสภาเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะไม่ราบรื่นนัก เพราะเสียงในสภาและองค์ประชุมเป็นปัญหาเรื้อรัง แต่ทุกอย่างทำได้ตามเป้าหมาย ทั้งการผ่านข้อกฎหมายและข้อตกลงต่างๆ ตอนนี้เหลือเพียงการเคลื่อนไหวนอกสภา ต้องพยายามรักษากฎหมายไม่ให้มีความรุนแรง ยอม รับว่าเรื่องนี้ยากที่สุด แต่คิดว่ายังทำได้อยู่ สิ่งสำคัญรัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไปให้ได้

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะใช้เวลาทำงานเท่าไหร่ถึงจะประเมินผล นายกฯ กล่าวว่า ต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา อย่างกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ประเมินตัวเองว่าการอยู่ในตำแหน่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าของรัฐบาล ก็เสียสละลาออก เป็นตัวบ่งบอกว่านักการเมืองของรัฐบาลต้องการให้การแก้ปัญหาทุกอย่างเดินหน้า

ได้รับรายงานญี่ปุ่นห้ามแม้วเข้า

เมื่อถามว่าแต่ขณะนี้สถานะของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่อดีตนายกฯ มีคดีติดตัวที่ต้องเร่งดำเนินการ รัฐบาลจะขอความร่วมมือกับต่างประเทศให้ส่งตัวกลับมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าที่ทราบดู เหมือนพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปๆ มาๆ จึงไม่ง่ายที่จะประสานกับประเทศต่างๆ แต่อยากให้พ.ต.ท. ทักษิณเดินทางกลับมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเท่าที่ทราบพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาประเทศกัมพูชาบ่อย ซึ่งไม่ได้มีปัญหา และเชื่อว่ามิตรประเทศของเราคงไม่มีประเทศไหนจะให้ใช้ประเทศเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะต่อต้านรัฐบาล ส่วนสิทธิเสรีภาพที่จะเดินทางไปไหนนั้นอยู่ที่แต่ละประเทศจะพิจารณา

ต่อข้อถามว่าล่าสุดมีข่าวว่าญี่ปุ่นจะไม่ให้พ.ต.ท. ทักษิณเข้าประเทศ เพราะมีชื่อในบัญชีผู้ต้องโทษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นี่แหละ เป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่จะพิจารณาเพราะมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง ทั้งนี้ผมได้รับทราบเรื่องนี้เป็นรายงานเข้ามา แต่ไม่ได้ไปสอบถามจากฝ่ายญี่ปุ่น

แจงวุ่นโดนเติ้งตัดพ้อใจไม่กว้าง

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ไม่เห็นด้วยกับการจัดงบกลางปี โดยเฉพาะการจ่ายเงิน 2,000 บาทให้กับผู้มีรายได้ประจำไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ไม่ใช่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ต้องขอบคุณสำหรับความเห็น ตนยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับนายบรรหารเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตามรัฐบาลมั่นใจว่าเงินที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจะถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งได้พบกับประชาชนจำนวนไม่น้อยที่รอคอยเงินตรงนี้อยู่

เมื่อถามว่านายบรรหารระบุกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับงบประมาณน้อย ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ พร้อมกับฝากบอกพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่าควรใจกว้างโดยนึกถึงเมื่อครั้งที่เชิญพรรคต่างๆ มาร่วมรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า เราทำงานด้วยความจริงใจ ยึดประโยชน์ส่วนรวม ที่จริงช่วยกันดู ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ เราสนับสนุนเรื่องแหล่งน้ำ แต่เนื่องจากงบประมาณประจำปี 2552 ในกรมหลักๆ ของกระทรวงเกษตรฯ สามารถเบิกจ่ายไปได้เพียงร้อยละ 10 ดังนั้น ถ้าจัดงบเพิ่มเติมเข้าไปเป็นห่วงว่าเงินตรงนี้จะไม่ได้ถูกใช้ไปจนกระทั่งถึงปีงบประมาณหน้า ซึ่งจะไม่ทันกับความจำเป็นในการรักษากำลังซื้อตามสถานการณ์ตอนนี้

จัดงบไร้การเมือง-ไม่เกี่ยวกับพรรค

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนบอกกับนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ และนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้เข้าใจถึงสถานการณ์ ยืนยันว่าสนับสนุนงานของทั้ง 2 กระทรวง เห็นได้จากการออกมาตรการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น ยกเว้นค่าธรรม เนียมและภาษี รวมถึงการประชาสัมพันธ์ เพียงแต่ไม่ใช่มาตรการด้านงบประมาณ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ แต่ถ้าปกติการจัดงบกลางปีลักษณะที่มีเงินรายได้เหลือแล้วจะทำโครงการต่างๆ เพิ่มเติมก็จัดอีกแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้จัดในลักษณะที่ต้องการรักษากำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ

ท่านบรรหารยังให้กำลังใจรัฐบาลและแสดงออกด้วยความตั้งใจที่ดี แต่บางทีก็มีมุมมองแตกต่างกัน ซึ่งต้องขอขอบคุณ ยืนยันว่าการจัดงบครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคและไม่มีเรื่องการเมือง จริงๆ กระทรวงที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้งบประมาณเยอะ ไม่ใช่โครงการของกระทรวง แต่เป็นเงินที่จะผ่านลงไปเท่านั้น เช่น เบี้ยยังชีพ และเรียนฟรี ซึ่งนำเงินผ่านลงไปยังนักเรียน ผู้ปกครอง หรือผู้สูงอายุ ผลงานของรัฐบาลไม่ว่าจะกระทรวงใด จะรับผิดหรือรับชอบ ก็ต้องร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนในรัฐบาล มีเป้าหมายเหมือนกันคือทำอย่างไรให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็เดือดร้อนกันทุกพรรค นายอภิสิทธิ์กล่าว

โต้โพลเกือบตกก็ดีกว่าเกือบได้

ต่อข้อถามว่างบประมาณตรงนี้จะสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อกันในพรรคร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่เหตุผล และจะพิสูจน์ได้จากการทำงานต่อไป เพราะไม่ได้จัดงบประมาณครั้งเดียว แต่จะจัดงบประมาณปีงบประมาณต่อไป ซึ่งแนวจะเปลี่ยนไปแล้ว แผนคืองบประมาณกลางปีเป็นงบพิเศษเพื่อรักษากำลังซื้อ แต่งบประมาณปี 2553 จะมุ่งที่โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะปรับต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจของกรุงเทพโพลระบุรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์เกือบสอบตก เพราะประชาชนให้คะแนนความพอใจเพียง 5.42 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็ดีกว่าเกือบได้

เทือกฟังเติ้งแต่เรื่องผ่านไปแล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายบรรหารระบุอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ใจกว้างเรื่องจัดสรรงบประมาณและให้คิดถึงช่วงที่ไปเชิญพรรคชาติไทยพัฒนามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกับนายบรรหาร และประชาชนว่างบประมาณกลางปีจัดทำขึ้นโดยความเห็นชอบของ ครม.ซึ่งมาจากทุกพรรค และเห็นชอบร่วมกันว่างบส่วนนี้จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ได้มุ่งเกลี่ยไปให้ทุกกระทรวง แม้แต่กระทรวงที่คนของพรรคประชาธิปัตย์เป็น รมต.บางกระทรวงยังไม่ได้รับงบประมาณไปดำเนินการ ดังนั้นไม่มีความคิดว่าเป็นพรรคโน้นเป็นพรรคนี้ ส่วนการทำงบประมาณประจำปี 2553 นั้น ต้องดูว่ามีความจำเป็นเหมาะสมอย่างไร และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่านายบรรหารไม่เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แจกเงิน 2,000 บาท แต่ควรกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวมากกว่า นายสุเทพกล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของท่าน เราต้องรับฟัง แต่เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้จะทำให้เป็นปัญหาหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องแยกกัน เรื่องงบประมาณก่อนจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานั้นเราประชุมกันใน ครม.ทั้ง ครม.ชุดใหญ่และ ครม.เศรษฐกิจ จากนั้นจึงจัดทำร่างงบประมาณกลางปีออกมาและอภิปรายกันในสภา ซึ่งผ่านการรับหลักการและเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ดังนั้นอย่านำเรื่องนี้ไปโยงกับเรื่องอื่น

โยนจนท.ไม่มีศักยภาพนำกลับ

เมื่อถามว่ามีการทักท้วงจาก รมต.พรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่ไม่มี ส่วนในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจตนไม่ได้เข้าร่วม ต่อข้อถามว่าจุดนี้จะทำให้เกิดความวิตกกังวลหรือไม่หากอภิปรายไม่วางใจ เพราะเสียงของรัฐบาลอาจไม่เป็นเอกฉันท์ นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ กรณีที่นายบรรหารทักท้วงก็รับฟัง ส่วนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นคิดว่าฝ่ายรัฐบาลคงมีเอกภาพ

นายสุเทพกล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาที่กัมพูชา และสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะไปพบ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงจะเกิดความวุ่นวายว่า ไม่ทราบว่าพ.ต.ท. ทักษิณไปไหนมาไหนบ้าง และส.ส.เพื่อไทยจะไปพบก็เป็นเรื่องของเขา เมื่อถามว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาที่กัมพูชาจริงจะใช้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนำตัวกลับมาดำเนินคดีหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ยาก เพราะเจ้าหน้าที่เราไม่มีศักยภาพที่จะไปติดตามจับผู้ที่ถูกคำพิพากษาแล้วหนีศาลไปอยู่ต่างประเทศ

พยายามสงบปากเลี่ยงพาดพิงแม้ว

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ส่วนที่ ผบ.เหล่าทัพจะไปกัมพูชา ตนคงไม่ฝากให้ดำเนินการเรื่องนี้ เพราะไปพูดเรื่องความสัมพันธ์ทางทหาร อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะมาเกาะกงของกัมพูชา ดังนั้นต้องไปถามส.ส.พรรคเพื่อไทยที่พูดว่าจะมาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะมาบัญชาการเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในประเทศไทย นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องรอดูไปก่อน เมื่อถามว่าเหตุผลที่วันนี้ไม่ค่อยพูดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณเพราะกำลังจะถูกตั้งกระทู้ถามใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวย้อนกลับว่า คุณยังไม่ได้ถามผมผมจะไปตอบได้อย่างไร ทั้งหมดที่ผมพูดถึงพ.ต.ท.ทักษิณเป็นกรณีที่คุณถามผม และเป็นกรณีที่ผมตอบได้ บางกรณีที่พวกคุณถามแล้วผมตอบไม่ได้ผมก็ไม่ตอบ

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ที่พ.ต.ท.ทักษิณจะฟ้องกรณีให้สัมภาษณ์เรื่องจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี นาย สุเทพกล่าวว่า ฟ้องก็ไปสู้คดีเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะนำวิดีโอมาเปิดในสภา ถือเป็นมวยคู่ใหญ่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ธรรมดา ตนเจอมาบ่อยแล้วกับร.ต.อ.เฉลิม ไม่มีอะไรน่ากังวล เมื่อถามย้ำว่าถือว่าเป็นมวยถูกคู่หรือไม่ นาย สุเทพกล่าวว่า ไม่ทราบ บอกไม่ถูก ส่วนที่พ.ต.ท. ทักษิณยืนยันว่าไม่ได้พูดว่าจะกลับมาเป็นประธานา ธิบดีนั้น ตนไม่ได้ติดใจ เพราะเข้าใจ

ประเมินตัวเองพูดมากไปหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดเรื่องประธานาธิบดีขึ้นมาเป็นเรื่องล่อแหลม นายสุเทพย้อนว่า พวกคุณเป็นคนถามผม แล้วมันล่อแหลมหรือไม่ ผมจะบอกได้อย่างไรว่าผมไม่ได้พูดในเมื่อผมพูดกับพวกคุณนี่แหละ เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรกับการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณในขณะนี้ นายสุเทพกล่าวว่า เขาเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ของเราไม่มีขีดความสามารถที่จะตามไปนำตัวกลับมา เมื่อถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณประกาศจะเดินหน้าลุยเต็มที่ นายสุเทพกล่าวว่า จะลุยเต็มที่อย่างไร เพราะต่อไปตนต้องระวังก่อนจะตอบคำถามให้ชัดเจน ส่วนที่ส.ส. เพื่อไทยเตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภาก็ต้องไปพิจารณาในสภาเป็นเรื่องของสภา ส่วนรัฐบาลยังไม่มีความเห็นเพราะยังไม่เห็นร่าง

นายสุเทพกล่าวถึงผลสำรวจกรุงเทพโพลให้คะแนนรัฐบาลเกือบตก และยังเห็นว่าควรปลดนายสุเทพจากตำแหน่งว่า สงสัยตนให้สัมภาษณ์มากไป ซึ่งกำลังประเมินตัวเอง เพราะมีคนทักท้วงว่าให้สัมภาษณ์มากไป บ่อยไป เมื่อถามว่าเหตุใดต้องตั้งโฆษกมากขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ไปถามคนที่ได้รับแต่งตั้ง ตนไม่มีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ โฆษกรัฐบาลดูแลในส่วนของรัฐบาล ส่วนของพรรคก็ทำงานในส่วนของพรรค

เติ้งแนะรัฐบาลต้องใจกว้าง

เมื่อเวลา 06.00 น.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปพักผ่อนที่เกาะฮ่องกง ถึงผลสำรวจของกรุงเทพโพลให้คะแนนรัฐบาลอภิสิทธิ์เพียง 5.42 จากคะแนนเต็ม 10 และควรปรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งเพราะผลงานไม่น่าพอใจว่า การเมืองยังมีข้อจำกัด แม้จะวาดภาพให้ดีเลิศแค่ไหนก็ตาม แม้แต่รัฐบาลที่มีพรรคเดียวหรือรัฐบาลหลายพรรคก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน ดังนั้นการบริหารงานของรัฐบาลต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน โดยเฉพาะต้องใจกว้างด้วย ถ้าทำเช่นนี้ได้ไม่น่ามีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องปรับครม.โดยเฉพาะนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ยังไม่จำเป็นต้องปรับ ครม.ขณะนี้ กรณีของนายบุญจงในความรู้สึกของตนยังไม่มีความผิดชัดเจน เพียงแค่เอานามบัตรไปกลัดไว้เพื่อให้รู้ว่าเป็นใคร จึงไม่น่าจะมีความผิดและกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ ทั้งนี้ของทั้งหมดเป็นของราชการที่นาย บุญจงรับผิดชอบอยู่ ไม่น่ามีปัญหา ที่ผ่านมามีคนทำอย่างนี้กันเยอะทั้งส.ส.และรมต.ลองไปค้นดูได้ ส่วนกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ลาออกไปแล้ว และนายกฯต้องหาผู้มาดำรงตำแหน่งใหม่ ไม่น่ามีปัญหา

เมื่อถามว่าเร็วเกินไปหรือไม่กับเสียงเรียกร้องปรับ ครม. เพราะรัฐบาลเพิ่งทำงานได้เพียงเดือนกว่า นายบรรหารกล่าวว่า ต้องดูว่าโพลมีความเป็นมาอย่างไร ถ้าเป็นสวนดุสิตโพลรัฐบาลอาจสอบผ่านได้ โพลแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าการทำโพลอาจมีอะไรแอบแฝงใช่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า น่าจะมี ผมว่าเราควรให้โอกาสรัฐบาล ผมเรียนตรงๆ ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ดี แล้วจะเอาใครมาเป็นรัฐบาล ถามหน่อยมันไม่มีใครหมดแล้ว เพราะบุคคลสำคัญๆอย่างเช่นผมก็ติดล็อกการเมือง 5 ปี ตอนนี้ผมเดินเตะฝุ่นเลยต้องไปหางานทำ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณประกาศกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าจะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง นายบรรหารกล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เห็นว่าตัวเองมีปัญหาก็ต้องกลับมาต่อสู้ การโฟนอินกับส.ส.เพื่อไทยเป็นเรื่องธรรมดา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณดูแลอยู่ จนถึงตอนนี้ก็ยังดูแลอยู่ ยังไม่จืดจาง ยังมีเยื่อใยจึงมองเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน นายบรรหารกล่าวว่า ต้องดูการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าประชาชนยังนิยมพ.ต.ท.ทักษิณแค่ไหน การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณก็มีบ้างที่ส่งผลกระ ทบกับการทำงานของรัฐบาล อย่างที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ที ฮู ที อิต อย่างไรก็ตาม สถานะของรัฐบาลไม่ง่อนแง่น แม้การประชุมที่ผ่านมาจะมีปัญหาบ้าง

ย้ำอีกอย่าใจแคบกับพรรคร่วม

เมื่อถามว่าหากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะส่งผลต่อรัฐบาลหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา แต่ตนได้ให้หลักกับพรรคประชาธิปัตย์เมื่อครั้งมาเชิญพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลว่า การเป็นแกนนำรัฐบาลต้องใจกว้าง อย่าใจแคบกับพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่าการจัดสรรงบกลางปีถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ใจกว้างหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ความจริงเรื่องงบกลางปี ถ้าพูดตรงไปตรงมา ผมก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะที่บอกว่างบกลางกระจายลงไปเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นศรษฐกิจนั้น แต่ผมเห็นว่างบที่ให้ไปไม่ได้แก้ไขปัญหาเลยเพราะถ้าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องกระตุ้นด้านการท่องเที่ยว แต่รัฐบาลกลับจัดสรรงบมาเพียง 500 ล้านบาท หรืออย่างโครงการถนนไร้ฝุ่นก็ควรให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการ เพราะใช้เวลา 4-5 เดือน การทำโครงการสำเร็จแล้วเงินที่ลงไปก็ไม่หาย เพราะนำไปจ้างแรงงานและนำไปซื้อเครื่องจักรกลทำให้รัฐบาลได้เป็นเงินภาษีกลับคืนมาด้วย หรืออย่างกระทรวงเกษตรฯได้มาแค่ 2 พันล้าน ขณะที่บางกระทรวงไม่จำเป็นต้องได้งบประมาณมากขนาดนั้น ก็มีอยู่หลายกระทรวง แต่การเอาเงิน 2 พันบาท ไปให้ข้าราชการที่เงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาท ผมเห็นว่าเป็นการเอาเงินไปใส่กระเป๋าเฉยๆ เขาอาจจะเอาไปเก็บก็ได้

ไม่มีความเห็นเรื่องนิรโทษกรรม

ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจัดสรรงบกลางปีไว้ที่สำนักนายกฯเพื่อให้กระทรวงต่างๆ เบิกจ่ายงบประมาณทำได้ง่ายขึ้น นายบรรหารกล่าวว่า ต้องดูว่าถ้าของบประมาณแล้วจะได้ง่ายหรือยาก

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี 3 รมต.ลงมติรับร่างพ.ร.บ. งบประมาณ ซึ่งฝ่ายค้านเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ นายบรรหารกล่าวว่า ต้องดูตามขั้นตอนซึ่งความจริงรัฐธรรมนูญกำหนดว่า ไม่ให้ส.ส.ที่ไปดำรงตำแหน่งรมต.โหวตให้ความเห็นชอบ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแต่ไม่เคยมีใครหยิบยกขึ้นมา แต่วันนี้เมื่อฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาก็มีปัญหา ต้องแล้วแต่ขั้นตอนที่ต้องทำต่อไป

เมื่อถามว่ามองการทำงานของฝ่ายค้านอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องมีหน้าที่ติติงรัฐบาล รัฐบาลต้องดูแลให้เรียบร้อย ซึ่งร.ต.อ.เฉลิมทำหน้า ที่ใช้ได้ เป็นนักการเมืองรุ่นเก่ายังเป็นแฟนกันอยู่ รัฐบาลกับฝ่ายค้านก็พวกเดียวกันอย่าไปคิดอะไรมาก เพราะตอนนี้นักการเมืองหายไปหมดแล้วมีแต่นอมินีทั่วประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 ฝากไปบอกคนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเสนอนิรโทษกรรมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ 2549 นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่ทราบแล้วแต่ความเหมาะสม ไม่มีความคิดเห็น

พท.ยื่นปปช.ฟันกกต.ดองคดีบุญจง

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. นายคารม พลทะกลาง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ผ่านนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผอ.สำนักการข่าวและประมวลผล สำนักงานป.ป.ช. ให้เอาผิดกับกกต.ทั้ง 5 คน ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ทั้งที่กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจงตั้งแต่เดือนเม.ย. 51 ข้อหาใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครอื่นให้ได้รับความเสียหาย ตามที่นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินเป็นผู้ร้อง

กกต.ต้องอธิบายว่าทำไมถึงดองคดีของนายบุญจง ทั้งที่คดีอื่นแซงหน้าไปหมดแล้ว การอ้างว่ายังตั้งสำนักคดีไม่เสร็จ ทำให้ผมแปลกใจมาก กกต.ใช้งบพันกว่าล้าน แค่หาโต๊ะมาเขียนสำนวนยื่นคำร้องทำไมทำไม่ได้ เมื่อวานก็ออกข่าวว่าทำเสร็จแล้ว ผมจึงต้องรีบมายื่น ถ้ากกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแล้วอาจมีปัญหา กกต.มี 5 ท่าน ผมแนบรูปถ่ายมาทั้งหมด กกต.คนไหนมีมติให้ดำเนินการ แต่ท่านอื่นไม่ให้ดำเนินการ ก็ต้องไปสู้กันเอาเองนายคารมกล่าว และว่าต้องการตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐกับประชาชนทุกคน ทั้งศาล อัยการ ครม. องค์กรอิสระอื่นๆ เนื่องจากปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์พรรคการเมืองบางพรรค มีหลายมาตรฐาน หรือมาตรฐานขั้นบันไดตามใจผู้กำกับ

ไปเยี่ยมขึ้นกับแม้วกำหนดสถานที่

น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีส.ส.อีสานของพรรคเตรียมเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณว่า ได้รับมอบหมายจากเพื่อน ส.ส.ให้ไปคุยกับนายพายัพ ชินวัตร น้องชายพ.ต.ท. ทักษิณ ว่ากลุ่มส.ส.อีสานคิดถึงและอยากไปเยี่ยม นายพายัพไม่ขัดข้องระบุว่าถ้าอยากไปก็ไปได้ แต่ขอให้ทยอยกันไปเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 20-30 คน ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเวลาและสถานที่ต้องรอ พ.ต.ท.ทักษิณกำหนดวันมาก่อน ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ส.อีสานจะไปพบพ.ต.ท.ทักษิณที่เกาะกงนั้น ยืนยันว่าไม่จริง ทุกอย่างขึ้นกับความสะดวกของพ.ต.ท. ทักษิณเป็นหลัก ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ติดต่อมา

ขณะที่นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรคไม่มีนโยบายนำส.ส.ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความคิดของส.ส.บางคนที่จะไปเอง ขณะนี้นายพายัพไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือบริหารพรรค แนวทางบริหารของพรรคหลังจากนี้จะเน้นพบปะประชาชนเพื่อรวบรวมข้อมูล นำมาต่อยอดทำเป็นนโยบาย สร้างความยั่งยืนของนโยบายประชานิยมที่เคยประสบผลสำเร็จมาแล้ว จะจัดสัมมนากลุ่มอาชีพและสัมมนาเป็นรายภาค พรรคจะเริ่มจากจุดที่แข็งที่สุดคือนโยบาย

เสื้อแดงนัดรวมพลใหม่17ก.พ.

ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งต่อไปจะรวมตัวกันภายในเดือนนี้ อาจเป็นวันอังคารที่ 17 หรือ 24 ก.พ. ซึ่งตรงกับประชุมครม. โดยจะรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อของกลุ่มคนเสื้อแดง หากรัฐบาลยังเพิกเฉยครั้งนี้อาจชุมนุมยืดเยื้อ ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่บุกเข้าทำเนียบ หรือบุกยึดสนามบิน เหมือนกลุ่มพันธมิตร

นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงข่าวส.ส.พรรคเพื่อไทยจะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณว่า หลายคนพยายามโยงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเข้ากับการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจริงๆแล้วไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะคนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้ต่อสู้เพื่อใครคนเดียวตามที่หลายคนกล่าวหา

นัดแม้วโฟนอินโต้ข้อหาเทือก

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวว่า การเดินทางไปให้กำลังใจพ.ต.ท.ทักษิณเป็นสิทธิที่ทำได้ ในฐานะคนคุ้นเคยกันมานาน ขณะเดียวกันตนเตรียมประสานกับพ.ต.ท. ทักษิณ โทรศัพท์สายตรงหรือโฟนอิน เข้ารายการความจริงวันนี้ในวันเสาร์ที่ 14 ก.พ.นี้ เพื่อให้ชี้แจงข้อกล่าวหาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กล่าวหาว่าต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดี แต่วันที่ 8 ก.พ.นี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ จะโฟนอินเข้ารายการความจริงวันนี้ โดยจะซักถามถึงเกร็ดการเป็นนายกฯ และสาเหตุที่ไม่ดำเนินการกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และกลุ่มพันธมิตร

นายจตุพรกล่าวอีกว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณหยิบยกการต่อสู้ของประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลล่า ของแอฟริกาใต้มากล่าวถึง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดี เพราะเป็นเพียงการยกตัวอย่างวีรบุรุษ เหมือนกับกรณีพรรคประชาธิปัตย์เปรียบเทียบนายอภิสิทธิ์กับนายบารัก โอบามา ประธา นาธิบดีสหรัฐ จึงเห็นว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง ทีมกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายสุเทพอย่างแน่นอนเพราะไม่มีทางเลือก จะฟ้องทั้งข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย เนื่องจากคำพูดของนายสุเทพถือเป็นระบอบการปกครองที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ ถือว่ากล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการล้มล้างราชบัลลังก์ ซึ่ง ส่วนตัวแปลกใจเพราะพฤติกรรมการกล่าวหาของนายสุเทพเป็นแนวทางเดียวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ที่อ้างถึงสถาบันมาตลอด

ความจริงวันนี้สัญจรเชียงใหม่

วันเดียวกันเวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุมโรงแรมศิรินาถการ์เด้นท์ จ.เชียงใหม่ นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง องค์กรพลังแผ่นดิน และนายณรงค์ศักดิ์ มณี หรือเป๋ คลองเตย แกนนำกลุ่มเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย นำกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นแนวร่วม 15 กลุ่มในภาคเหนือ จาก จ.เชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน ประมาณ 100 คน แถลงข่าวจัดเวที ความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี วันที่ 21 ก.พ.นี้

นายณรงค์ศักดิ์ หรือเป๋ คลองเตย กล่าวว่า ตนได้รับการยืนยันจากนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และทีมงานบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่แล้วว่าจะจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรที่เชียงใหม่แน่นอน รูปแบบจะเป็นเช่นเดียวกับเวทีสนามราชมังคลากีฬาสถาน จึงขอให้กลุ่มเสื้อแดงมั่นใจว่ากลุ่มของตนไม่ได้เป็นเสื้อแดงเทียมที่กุข่าวขึ้นมาเช่นกับที่วิทยุชุมชนของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เวทีความจริงวันนี้สัญจรที่ จ.เชียงใหม่ จะเริ่มตั้งแต่ 13.00-22.00 น. วันนั้นพี่น้องเสื้อแดงชาวเหนือหลายจังหวัดอาจได้ยินเสียงพ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเป็นภาษาคำเมืองเข้ามา และคาดว่าวันนั้นจะมีเสื้อแดงมาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 50,000 คน

นายมานะ พันธ์ไพบูลย์ หรือดีเจ. ป.เป็ด อดีตนักจัดรายการวิทยุ 92.5 เมกะเฮิร์ตซ์ หนึ่งในแกนนำกลุ่ม มวลชนคนเสื้อแดง (เลือดใหม่) กล่าวว่า แนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มตนจะเน้นเคลื่อนไหวภายใต้กฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง หากทราบว่า ครม.รัฐบาลประชาธิปัตย์เข้ามาในพื้นที่จะพาคนไปยกป้ายขับไล่ต่อต้าน ซึ่งจะทำทั้งภาษาไทยและอังกฤษ แต่จะไม่ปิดล้อมแบบฮาร์ดคอ ร์ จะเน้นปราศรัย โดยใช้พื้นที่โรงแรมรถไฟเก่าปราศรัยทุกวันศุกร์และเสาร์ เวลา 17.00-22.00 น. และออกอากาศวิทยุชุมชนคลื่นเอฟเอ็ม 89.25 กับ 89.50 แลกเปลี่ยนความเห็นกับคนเสื้อแดง

อุดรฯระอุ 14 ก.พ.แดงเจอเหลือง

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เป็นผู้อำนวยการฝึกซ้อมควบคุมฝูงชนเตรียมพร้อมหากมีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดง ชมรมคนรักอุดร และกลุ่มเสื้อเหลืองพันธมิตร ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ซึ่งวันดังกล่าวกลุ่มพันธมิตรจะจัดคอนเสิร์ตการเมืองใหม่ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ ขณะที่แกนนำชมรมคนรักอุดรมีสัญญาณออกมาแล้วว่าจะยกพลเสื้อแดงหลายหมื่นคนไปขับไล่ โดยการซ้อมแผนครั้งนี้มีรอง ผบก.ภ.จว.อุดรฯ นำตำรวจชุดควบคุมฝูงชนทั้งจังหวัด รวมทั้ง อส.และ ตชด. อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เทศบาลนครอุดรธานีเข้าร่วมฝึกทั้งหมด 6 กองร้อย

พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์กล่าวอีกว่า วันที่ 14 ก.พ.ได้ขอกำลังเพิ่มเติมทั้งจากหนองคาย หนองบัวลำภู และทหาร มทบ.24 และให้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เช่น ภาพนิ่ง วิดีโอ เพื่อใช้เป็นหลักฐานถ้ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น เมื่อถามว่าหากเกิดเหตุรุนแรงตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตาระงับเหตุหรือไม่ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์กล่าวว่า ขอรับรองว่าจะไม่ใช้แน่นอน เจ้าหน้าที่จะใช้เพียงโล่และหมวกกันกระแทกเท่านั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจะใช้ความอดทนอดกลั้น

ญี่ปุ่นแจงไม่ออกวีซ่าให้คนต้องคดี

รายงานข่าวจากตม.คลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยถึงข่าวพ.ต.ท.ทักษิณอาจจะเดินทางมาที่กัมพูชาว่า ข่าวดังกล่าวมีมาหลายวันแล้ว โดยมีทั้งจะไปลาวบ้าง กัมพูชาบ้าง ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วหากอดีตนายกฯจะเดินทางมานั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะคงไม่ปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างแน่นอน

สำหรับการเดินทางมาเกาะกงที่สะดวกที่สุดมี 2 ทางคือ ทางทะเล จากสีหนุวิลล์เดินทางด้วยเรือเร็วมาถึงเกาะกงใช้เวลา 1 ช.ม. 30 นาที ระหว่างทางจะผ่านหมู่เกาะเจ้าและหมู่เกาะกง จุดที่มีข่าวว่า