ลำตะคองโคราชเริ่มระบายน้ำลงพื้นที่ท้ายเขื่อนแล้ว

ลำตะคองโคราชเริ่มระบายน้ำลงพื้นที่ท้ายเขื่อนแล้ว

ลำตะคองโคราชเริ่มระบายน้ำลงพื้นที่ท้ายเขื่อนแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เขื่อนลำตะคอง โคราช เริ่มระบายน้ำลงพื้นที่ท้ายเขื่อนเพื่อการอุปโภคบริโภคแล้ว หลังปิดเขื่อนนานกว่า 4 เดือน

นครราชสีมา วันนี้ (10 ธ.ค.59) นายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำภายในเขื่อนล่าสุดมีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 122 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ของความจุกักเก็บ 314.49 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นปริมาณน้ำกักเก็บที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเขื่อนลำตะคอง ได้เริ่มมีการระบายน้ำออกจากเขื่อน เพื่อทำการจัดส่งปริมาณน้ำไปยังโรงผลิตน้ำประปา ในพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้ง 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สีคิ้ว, อ.สูงเนิน, อ.ขามทะเลสอ, อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่มีอยู่กว่า 120 แห่ง เพื่อทำการผลิตน้ำประปาให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ในการอุปโภคบริโภค หลังจากที่ได้ทำการปิดประตูระบายน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บภายในเขื่อนมานานกว่า 4 เดือน โดยล่าสุดได้มีการระบายน้ำออกจากเขื่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 172,800 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งก็เป็นไปตามแผนบริหารจัดการน้ำที่มีมติให้ทางเขื่อนลำตะคอง สามารถจัดส่งน้ำออกไปเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ไม่เกินวันละ 432,000 ลูกบาศก์เมตร  

ทั้งนี้ ทางเขื่อนลำตะคองได้มีการแจ้งให้ทางผู้นำชุมชนในพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคอง ในพื้นที่ 5 อำเภอ แจ้งให้เกษตรกรงดปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ชลประทานท้ายเขื่อนซึ่งมีอยู่กว่า150,000 ไร่ และหันไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน เพื่อรักษาปริมาณน้ำกักเก็บไว้ในการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก พร้อมทั้งประสานให้ประปาเทศบาลนครนครราชสีมาสูบน้ำดิบโดยตรงจากเขื่อนลำตะคองวันละ 50,000 ลูกบาศก์เมตร และสูบน้ำดิบโดยตรงจากเขื่อนลำแชะวันละ 40,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาให้กับประชาชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เริ่มตั้งแต่วันที่ (1 ธ.ค.59) ถึงวันที่ (30 เม.ย.60) รวมระยะเวลา 5 เดือน และหลังจากนั้นก็จะต้องนำปริมาณน้ำที่เหลืออยู่นั้นมาทำการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ (JMC) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน เพื่อสรุปและมีมติในการบริหารจัดการน้ำต่อไป


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook