บิ๊กอ็อดตั้งค่าหัวชี้เบาะแสพลุแฟลร์หัวละ3หมื่น-ตร.คาดมี30คน

บิ๊กอ็อดตั้งค่าหัวชี้เบาะแสพลุแฟลร์หัวละ3หมื่น-ตร.คาดมี30คน

บิ๊กอ็อดตั้งค่าหัวชี้เบาะแสพลุแฟลร์หัวละ3หมื่น-ตร.คาดมี30คน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'บิ๊กอ็อด' ตั้งรางวัลคนชี้เบาะแสแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ ในสนามราชมังคลาฯ หัวละ 30,000 บาท - ตร.ทราบตัวกลุ่มจุดพลุแฟลร์ ในสนามบอลแล้ว คาดมี 30 คน จ่อเอาผิด ฐานเดือดร้อนรำคาญ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า สมาคมฟุตบอลฯ เตรียมจะมอบเงินรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งเบาะแสในการจับกุมแฟนบอลที่ก่อเหตุจุดพลุแฟลร์ในการแข่งขันฟุตบอล ทีมชาติไทย และอินโดนีเซีย ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน คนละ 30,000 บาท  ซึ่งหากมีการแจ้งเบาะแสให้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ถึง 10 คน ก็จะได้รางวัลนำจับทันที 300,000บาท โดยขอให้ผู้ที่มีเบาะแสดำเนินการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทราบทันที

นายกสมาคมฟุตบอลไทยกล่าวต่อไปว่า ในวันนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบปะปนอยู่กับผู้ที่ก่อเหตุด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้บันทึกเป็นภาพวีดีโอและภาพถ่ายของผู้ที่ก่อเหตุได้แล้วบางส่วน ซึ่งตอนนี้เรามีพยานหลักฐานอยู่พอสมควร โดยจะส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี ในการออกหมายเรียกและออกหมายจับต่อไป ทั้งนี้การที่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่เข้าไปจับกุมตัวแฟนบอลที่ก่อเหตุ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้เหตุการณ์บานปลาย ขณะเดียวกันยังได้รับรายงานด้วยว่า มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดไฟจากการจุดพลุแฟลร์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งตนอยากให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

 

ด้าน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยหลังการประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามกลุ่มแฟนบอล ที่จุดพลุแฟลร์ ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ว่า จากพยานหลักฐาน อาทิ ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ จากวันเกิดเหตุ  ทราบชัดแล้วว่าเป็นกลุ่มไหน และน่าจะมากกว่า 30 คน ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุขึ้นแผ่นผ้าป้ายชื่อกลุ่มชัดเจน และยังมีการเตรียมการลักลอบนำพลุแฟลร์ แฝงเข้าไปกับอุปกรณ์เชียร์ ที่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งแม้จะเป็นแฟนบอลทีมชาติไทยจริง แต่การกระทำดังกล่าวเป็นไม่ได้เป็นผลดีต่อทีมบอลและที่สำคัญคือ ทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียชื่อเสียง ภาพลักษณ์เสียหายซึ่งกรณีนี้รัฐเป็นผู้เสียหาย กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 397 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ น่าจะมีความชัดเจนในตัวบุคคลระดับผู้นำกลุ่มและสามารถออกหมายเรียกมาสอบปากคำได้ ขณะที่ผู้ร่วมกลุ่มแม้จะไม่ได้ก่อเหตุจุดพลุแฟลร์ แต่เจ้าหน้าที่สามารถเรียกมาสอบปากคำได้ตามกฎหมาย  นอกจากนี้ ยังมีการตรวจค้นพบปะทัด ลูกบอลอีกจำนวนหนึ่งด้านนอกสนามแข่งขันฟุตบอล อยู่ระหว่างสืบสวนตรวจสอบว่าเป็นของกลุ่มใด

สำหรับความผิดของกลุ่มผู้จุดพลุแฟลร์ขณะนี้มีเพียงตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้เสียหาย และการกระทำดังกล่าว ยังต้องพิจารณาพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม ว่าจะขัดต่อคำสั่ง คสช. ที่ห้ามยิงพลุดอกไม้ไฟขึ้นฟ้าหรือไม่ ไปจนถึงจะมีประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการจุดพลุแฟลร์เข้ามาร้องทุกข์หรือไม่ ซึ่งหากได้รับอันตรายหรือผลกระทบใด สามารถเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สน.หัวหมาก 24 ชั่วโมง

ส่วนข้อสังเกตเรื่องการลักลอบนำสิ่งเหล่านี้เข้าไปในสนามแข่งได้นั้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล4 ระบุว่า การตรวจสอบ ตรวจค้นบุคคลเข้า-ออกสนาม เป็นงานบริษัทเอกชนที่ดำเนินการ ส่วนตำรวจจะเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุกรณีเจอ


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook