นายกฯห่วงน้ำท่วมใต้ตั้งศูนย์ช่วย-นครฯจม2ม.-ใช้ฮ.ส่งอาหาร

นายกฯห่วงน้ำท่วมใต้ตั้งศูนย์ช่วย-นครฯจม2ม.-ใช้ฮ.ส่งอาหาร

นายกฯห่วงน้ำท่วมใต้ตั้งศูนย์ช่วย-นครฯจม2ม.-ใช้ฮ.ส่งอาหาร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ห่วงชาวใต้น้ำท่วม ตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนหน้า เตรียมอนุมัติเงินช่วยหากพบเสียหาย 20 ล้านบาท ขณะทีนครศรีฯ อ่วม จม 2 ม. ด้าน ทร.ส่งเรือดันน้ำช่วย ส่วน มทภ.4 ใช้ ฮ.หย่อนอาหารช่วย ปปช.

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ประกาศยกระดับการจัดการปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ให้เป็นการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ ระดับ 3  โดยได้จัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ส่วนหน้า ขึ้น ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต 12 สงขลา ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการ ทำหน้าที่บูรณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนและล่าสุดกองทัพเรือได้ส่งเรือผลักดันน้ำ 50 ลำ ลงไปสนธิกำลังกับทางบกช่วยเร่งระบายน้ำที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้ว 

นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังได้จัดหน่วยแพทย์พลเรือนและทหารออกดูแลสุขภาพประชาชน และร่วมกับภาคเอกชนและจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่ได้ประสบภัยเข้าไปช่วยสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค และบริจาคอาหารปรุงสำเร็จ ยารักษาโรค ด้วย 

พลโท สรรเสริญ ยังเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและวางแผนการช่วยเหลือในระยะต่อไป ซึ่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถอนุมัติเบิกจ่ายเงินทดรองราชการได้ภายในวงเงิน 20 ล้านบาท และคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ยังสามารถให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้หากมีการร้องขอ แต่ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการที่ช่วยเหลืออยู่แล้ว

สำหรับการเปิดรับบริจาคของหน่วยงานภาครัฐตามที่เป็นข่าวในโซเชียลมีเดีย นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยที่เกี่ยวข้อง


นครศรีฯยังท่วมหนักรองปลัดมท.ลุยประสานช่วย

นายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้กำกับควบคุมพื้นที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ในศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เขต 11 สุราษฏร์ธานี และ เขต 12 สงขลา เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า อุทกภัยภาคใต้ครั้งนี้รุนแรงมาก ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง พื้นที่ที่หนักที่สุดคือจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยในวันนี้ (7 ม.ค.) จะลงพื้นที่ สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เขต 11 ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และ พัทลุง โดยการทำงานนั้นจะบูรณการทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองจะเหมือนเป็นคนคอยประสานความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์ความช่วยเหลือต่างๆ รวมทั้งประสานกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เขต 12จังหวัด ที่ดูแล จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส  เพื่อร่วมกันแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนเร็วที่สุด  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือเรื่องความปลอดภัยของประชาชน รวมไปถึงเรื่องของอาหารการกิน และที่พักพิงต้องไม่ให้ชาวบ้านขาดในสิ่งเหล่านี้เด็ดขาด

ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ยังรุนแรงต่อเนื่อง ทางกระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) และมี ส่วนสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.)


ทร.ส่งเรือดันน้ำลงใต้ช่วยภัยน้ำท่วม

ที่ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นาวาโท คชพล งามชาลี ผู้บังคับการเรือหลวงอ่างทอง ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมของเรือหลวงและกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ ออกไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยใน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยมีกำลังพลทหารจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) จำนวน 33 นาย และเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทำอาหาร รวมถึง ชุดช่างอากาศยานและชุดปฏิบัติการพิเศษ มนุษย์กบ จำนวน 2 ชุด เข้าร่วมสมทบไปกับเรือ ซึ่งเรือหลวงอ่างทองได้แล่นออกจากท่าเวลา 02.00 น. ไปอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อทำการ ลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จำนวน 20 เครื่อง  พร้อมรับ เฮลิคอปเตอร์ แบบซูเปอร์ลิงซ์และอุปกรณ์และกำลังพลช่วยผู้ประสบภัย ทั้งนี้ ในเวลา 16.00 น. จะแล่นไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช  และเข้าทำการช่วยเหลือซึ่งเรือจะถึงบริเวณดังกล่าว ในเวลา 16.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค.59 จนกว่า สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย

โดย นาวาโท คชพล งามชาลี ผู้บังคับการเรือหลวงอ่างทอง  กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการ ให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ จัดส่งเรือหลวงอ่างทอง ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ พร้อมเฮลิคอปเตอร์ และจะลำเลียงเรือผลักดันน้ำ 20 เครื่อง เดินทางลงพื้นที่ เพื่อนำเรือผลักดันน้ำไปช่วยผลักดันน้ำลงสู่ทะเล และเรือหลวงอ่างทอง จะเป็นฐานปฏิบัติการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ประจำเรือในการลำเลียงส่งสิ่งของ และอาหารส่งให้ถึงประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างทั่วถึง และให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที


สงขลาท่วมแล้ว5อำเภอมีแนวโน้มสูงขึ้น

สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สงขลา ล่าสุดทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา รายงานว่าขณะนี้มีพื้นที่ 5 อำเภอ ที่ถูกน้ำท่วมประกอบด้วย อ.สะบ้าย้อย ซึ่งถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม และ อ.ระโนด อ.กระแสสินธุ์ อ.สทิงพระ และอ.สิงหนคร ซึ่งถูกน้ำจากทะเลสาบสงขลาหนุนเข้าท่วม แต่พื้นที่ต้องเฝ้าระวังและน่าเป็นห่วงที่สุดของ จ.สงขลา คือ ใน 4 อำเภอริมทะเลสาบสงขลา ทั้ง อ.ระโนด อ.กระแสสินธุ์ อ.สทิงพระ และ อ.สิงหนคร เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำที่หนุนท่วมเท่ากับเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากฝนที่ยังตกต่อเนื่องและมวลน้ำที่ไหลมาจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ที่ระบายผ่านทะเลสาบสงขลาลงสู่อ่าวไทย  ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับประชาชนและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ลุ่มต่ำติดกับทะเลสาบสงขลาทั้ง 4 อำเภอ


ทร.ส่งเรือผลักดันน้ำช่วย.ปากพนัง-ชะอวด

ณ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการพล.ร.ท.อดิเรก  ชมพูนุช  เจ้ากรมกิจการพลเรือน กองทัพเรือพร้อมคณะนายทหารเรือ ร่วมพิธีปล่อยขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 50 ลำ นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพเรือ ในการนำเรือผลักดันน้ำ พร้อมเจ้าหน้าที่กำลังพลประจำเรือเดินทาง โดยทางรถยนต์ส่วนหนึ่งและทางน้ำอีกส่วนหนึ่ง เพื่อไปสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.ปากพนัง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักในขณะนี้ มีจำนวนของประชาชนจำนวนมากที่กำลังได้รับผลกระทบแสนสาหัส

พล.ร.ท.อดิเรก ชมพูนุช เจ้ากรมกิจการพลเรือนกองทัพเรือ กล่าวว่า“โดยเรือผลักดันน้ำทั้งหมดนั้นจะเดินทางด้วยขบวนรถยนต์บรรทุกที่คาดว่าจะเดินทางไปถึง จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเย็นของวันเดียวกันที่ออกเดินทางจาก จ.สมุทรปราการ จากนั้นจะเริ่มออกปฏิบัติการผลักดันน้ำที่ท่วมขังลงสู่ทะเลโดยทันที 

นอกจากนี้ ทางกองทัพเรือยังได้จัดส่งเรือรบหลวงอ่างทอง ที่พร้อมสำหรับการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนแต่ละจังหวัดในพื้นที่กำลังประสบอุทกภัย ทั้งในการลำเลียงสิ่งของและยารักษาโรค ทางเรือยนต์ขนาดเล็กกระจายร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่กำลังเดินทางไปช่วยเหลือประชาชนได้เร็วขึ้น


สนามบินนครศรีฯยังปิดให้บริการน้ำท่วมรันเวย์ 

นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้ ล่าสุด ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ยังคงปิดการทำการบินและมีแนวโน้วว่า จะปิดให้บริการอีก 2 วันต่อจากวันนี้ คาดว่า น่าจะปิดอีก ในวันที่ 8-9 มกราคม 2560 หรือ จนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลาย เนื่องจากยังมีน้ำยังบริเวณหัวและท้ายรันเวย์ จึงมีความจำเป็น ต้องปิดระบบไฟนำร่องและเครื่องช่วยเดินอากาศ และถึงแม้จะมีฝนหยุดตกในบางช่วง แต่ยังมีในส่วนของน้ำป่าที่ไหลลงมา ทำให้บริเวณรันเวย์ ยังมีน้ำท่วมขัง


อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยาน จึงขอแจ้งปิดทำการบิน ส่วนท่าอากาศอื่น ๆ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ยังสามารถเปิดให้บริการได้ เช่น ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ตและตรัง ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยาน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานและประสานกับสายการบิน เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้างที่สนามบิน


มทภ.4ใช้ฮ.หย่อนอาหารช่วยปปช.น้ำท่วมใต้

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ช่วยกันลำเลียงอาหารขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ที่ไม่สามารถประกอบอาหารได้ ที่สนามเฮลิคอปเตอร์ มณฑลทหารบกที่ 42 (ค่ายเสนาณรงค์) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเดินทางนำอาหารไปให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช 

ทั้งนี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า จากการสำรวจพื้นที่พบว่า บางพื้นที่ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมสูง ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่นำยุทธโธปกรณ์ และ อาหาร ออกไปช่วยเหลือประชาชน และให้หน่วยทหารทุกหน่วยใน 14 จังหวัดภาคใต้ ประกอบอาหารให้กับผู้ประสบภัย พร้อมให้เปิดค่ายทหารเป็นศูนย์อพยพชั่วคราว เพื่อนำชาวบ้านที่เดือดร้อนมาอาศัย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในครั้งนี้ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่วนตัวและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเร่งให้ความช่วยเหลือ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา จนถึง ขณะนี้ เจ้าหน้าทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนอยางเต็มที่ โดยหากเจอเจ้าหน้าที่ทหารสามารถไปขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา


ชุมพรยังท่วม-น้ำหน้าร.พ.หลังสวนสูงกว่า1ม.

นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้มีสถานบริการสาธารณสุขหลายแห่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ที่หนักที่สุดคือโรงพยาบาลหลังสวน บนถนนหน้าโรงพยายาลระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และมีบางจุดที่น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณโรงพยาบาล ซึ่งมีการย้ายผู้ป่วย จำนวน 70 เตียงไปรักษายังอาคารสูง แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ และในภาพรวมนั้นยังสามารถเปิดให้บริการกับประชาชนได้ เพียงแต่การสัญจรเข้ามายังโรงพยาบาลต้องใช้รถยกสูงของทางเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น รถเล็กยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่องกระแสไฟตกบ้าง แต่ทางการไฟฟ้าได้แก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องของน้ำประปานั้นได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนแล้วในกรณีที่น้ำอาจท่วมขังเป็นเวลานาน  ซึ่งจากการประเมิณสถานการณ์แล้ว ถ้าไม่มีฝนตกลงมาซ้ำ สถานการณ์น่าจะคลี่คลายได้ใน 3-5 วัน 

อย่างไรก็ตาม ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ บุคคลกรทางการแพทย์ในจังหวัดชุมพร เพื่อมาช่วยเหลือดูแลรักษาผู้ป่วย อย่างเต็มที่ รวมไปถึงประสานทุกหน่วยงานเข้ามาสนับสนุนแล้ว

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร ยังกล่าวว่า ที่เป็นห่วงคือโรคที่มักจะมากับน้ำท่วม เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคน้ำกัดเท้า และโรคตาแดง จึงขอให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วม รับประทานน้ำและอาหารที่สะอาด เร่งทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook