คืบหน้าคดี ครูแพะ ข่าวล่าสุด! ศาลนครพนม นัดไต่สวนพิสูจน์ความจริงแล้ว

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความคืบหน้าคดีที่ครูจอมทรัพย์ หรือ ครูแพะรับบาป ขับรถชนคนตายและโดนโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในวันนี้ได้เตรียมเดินทางมาขึ้นศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งนัดไต่สวนครั้งแรกเพื่อรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่และพิสูจน์ความจริง โดยครูจอมทรัพย์เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม

วันนี้ (16 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดพิจารณาไต่สวนรื้อฟืนคดีที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตผู้ต้องโทษจำคุกในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หลังจากได้ยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อขอศาลมีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ศาลจะนัดสืบพยานใหม่เป็นครั้งแรก ในเวลาประมาณ 13.00 น.

ก่อนหน้านี้นางจอมทรัพย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานสำคัญทั้งหมดเพื่อเตรียมให้การกับศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะคำรับสารภาพของผู้ก่อเหตุตัวจริง ที่ได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ชนรถจักรยานจนมีผู้เสียชีวิต เมื่อปี 43 รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ซึ่งเชื่อว่าการพิสูจน์ความจริงในครั้งนี้จะได้รับความเป็นธรรม แม้ว่าที่ผ่านมาต้องตกเป็นแพะและถูกจำคุกในคดีที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ซึ่งครูจอมทรัพย์ได้ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุและต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

สำหรับการรื้อฟื้นคดีในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากนางจอมทรัพย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ต่อมาศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องมีมูลเพียงพอที่จะรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ จึงมีคำสั่งให้รับคำร้อง และให้ศาลจังหวัดนครพนม ดำเนินการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันนี้

ขณะที่ นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวชี้แจงขั้นตอนกรณีการรื้อฟื้นคดีอาญาของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ คือเมื่อศาลรับคำร้องแล้วก็จะมีการนัดไต่สวนและตรวจพยานหลักฐาน โดยจะทำการสืบพยานฝ่ายจำเลยคือนางจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ร้องขอรื้อฟื้นคดีก่อน จากนั้นก็จะสืบพยานฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการในฐานะโจทก์ของคดี

อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาเด็ดขาดมาแล้ว ซึ่งหากมีการสืบพยานคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้น ศาลจังหวัดนครพนมซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ก็จะต้องส่งสำนวนบันทึกการพิจารณาไปให้ศาลฎีกา เพื่อให้เป็นผู้พิจารณาและมีคำพิพากษาชี้ขาดต่อไป

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาการรื้อฟื้นคดีถือว่าสามารถเกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะข้อกำหนดในการรื้อฟื้นคดีจะคล้ายกับคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจะต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และพยานหลักฐานใหม่นั้นจะต้องมีน้ำหนักเพียงพอที่จะมีเหตุเปลี่ยนแปลงคดีหรือพยานหลักฐาน ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก

ที่ผ่านมาเคยเห็นเพียงแค่คดีหรือสองคดีเท่านั้นที่ศาลมีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีจนกลับคำพิพากษาเด็ดขาดของศาลฎีกาได้ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยคดีนี้ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดจริง เบื้องต้นจำเลยอาจจะได้รับการเยียวยากรณีค่าติดคุกแทนค่าปรับคือวันละ 500 บาท และสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐในส่วนนี้ได้เช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook