องอาจชงปรองดองวาระแห่งชาติให้ทุกคนร่วม

องอาจชงปรองดองวาระแห่งชาติให้ทุกคนร่วม

องอาจชงปรองดองวาระแห่งชาติให้ทุกคนร่วม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองหัวหน้า ปชป. 'องอาจ' ชงปรองดองเป็นวาระแห่งชาติให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วม - มองนิรโทษกรรมสร้างความสับสนให้สังคม จี้รัฐบาลสอบปมสินบนโรลส์รอยซ์ เร่งหาคนผิดมาลงโทษ แนะใช้โอกาสนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นความสุจริต

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ รัฐบาลเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า ปรองดองไม่ใช่เดิมพันของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เป็นเดิมพันของคนไทยทุกคนนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เดิมพันคนไทยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเดิมพันของประเทศชาติ และหากจะให้การปรองดองเดินหน้าไปได้และมีส่วนในการเปลี่ยนแปลง ประเทศไปในทางที่ดีขึ้นนั้น ควรทำการปรองดองให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วม เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทย ไม่ได้เกิดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่เกิดในทุกกลุ่มของสังคม ดังนั้น ควรระดมทุกภาคส่วนมาช่วยกันเพื่อให้การปรองดองเป็นจริงได้ หากทุกภาคส่วนมาร่วม ทุกคนจะมีความตั้งใจเดินหน้าการปรองดองให้ประสบความสำเร็จ

ส่วนการเสนอให้มีการลงนาม MOU และการนิรโทษกรรมนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นการสร้างความสับสนให้กับสังคมและเป็นวิธีการรูปแบบหนึ่งที่จะทำไปสู่ความปรองดอง แต่ควรเปิดโอกาสให้ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ได้ทำงาน มีการกำหนดหลักการและแนวทางรวมถึงวิธีการให้มีความชัดเจนก่อน แล้วค่อยกลับมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อให้การทำงานของคณะกรรมการ ป.ย.ป. สมบูรณ์ ส่วนตัวขอเสนอให้คณะกรรมการชุดดังกล่าว นำผลการศึกษาด้านการปรองดองที่ผ่านมา มาใช้เป็นแนวทางในการทำงานเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ

นอกจากนี้ นายองอาจ กล่าวถึง กรณีบริษัท โรลส์-รอยซ์ ยอมรับต่อสำนักงานปราบปรามการทุจริตของประเทศอังกฤษ ว่า ได้มีการจ่ายสินบนในหลายประเทศที่ได้ทำการซื้อขายเครื่องยนต์ของ โรลส์-รอยซ์ รวมถึงประเทศไทย ในระหว่าง ปี พ.ศ. 2534 - 2548 ว่า ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลควรเข้ามาเป็นตัวหลักในการดำเนินการทำความจริงให้มีความกระจ่างต่อสังคมไทย และควรเป็นตัวกลางในการแสวงหาข้อเท็จจริง นำคนผิดมาลงโทษให้ได้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสังคมไทยโดยรวม ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องการติดสินบน เป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานไปสืบสวนกันเอง แต่รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นความสุจริตในประเทศไทย 

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวมีวิธีการที่สำคัญ 2 วิธีการ คือไม่ว่าเรื่องนี้จะหมดอายุความหรือไม่ แต่ควรแสวงหาความจริงว่าการติดสินบนมีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง และนำมาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ขณะเดียวกัน การติดสินบนดังกล่าว หากยังไม่หมดอายุความ รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุน องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถนำคนผิดมาลงโทษในประเทศไทยให้ได้ และหากรัฐบาลมีความจริงจังก็ไม่ยากที่จะหาผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook