DSIยันใช้ม.44ค้นวัดพระธรรมกายยึดกม.-องอาจมอบตัวแล้ว

DSIยันใช้ม.44ค้นวัดพระธรรมกายยึดกม.-องอาจมอบตัวแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเอสไอ แถลงยืนยัน ใช้ มาตรา44 ค้นวัดพระธรรมกาย ยึด กฎหมาย ห่วงมือที่สามหรือผู้ที่ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ - 'องอาจ' มอบตัวแล้ว และได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติการตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย โดยในวันนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3,000 นาย ซึ่งเป็นจำนวนที่เหมาะสมเมื่อประเมินตามสถานการณ์ และการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายเข้าปฏิบัติการโดยปราศจากอาวุธ อย่างไรก็ตาม จะต้องปฏิบัติงานอย่างระมัดระวังและรอบคอบให้มากที่สุด เพราะหวั่นเกรงมือที่สามหรือผู้ที่ไม่หวังดีจะเข้ามาสร้างสถานการณ์

ทั้งนี้ ยืนยันว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการต่อเนื่องไปจนกว่าสามารถเข้าตรงค้นภายในวัดได้ หากมีผู้มาขัดขวางก็จะมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้

ขณะที่ในส่วนของ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ล่าสุดนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่า ได้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา และได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว


ศิษย์นั่งสวดมนต์วัดพระธรรมกายตร.เข้มหวั่นมือ3

พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางมา ตรวจสอบความเรียบร้อยที่บริเวณประตู 5 และประตู 6 และ 7 ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งล่าสุดประสานขอรถพยาบาล และรถสุขา มายังจุดนี้ โดยขณะนี้ให้รวมกำลัง เพื่อรอรับคำสั่งจาก พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ 

ขณะที่บรรยากาศล่าสุด ศิษยานุศิษย์ยังคงนั่งสวดมนต์ ภายในวัดและนอกวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตามมาตรา 44 ทางดีเอสไอได้เปิดเผยเอกสารข้อมูลที่ระบุถึงความผิดโดยการต่อสู้หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ด้วยการนั่งขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือมีการนำสิ่งของมากีดขวางถนน เพื่อมิให้เจ้าพนักงานดำเนินการได้สะดวก มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับส่วนการต่อสู้หรือขัดขวางโดยใช้กำลังทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้าย โดยการกอด ดึง รั้ง ไม่ให้เจ้าพนักงานปฏิบัติงาน หรือมีการใช้เลเซอร์ยิงใส่อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ของเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับการดำเนินการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยปราศจากอาวุธ และความรุนแรงมีการอธิบายเหตุผล ขั้นตอนกับศิษยานุศิษย์ พร้อมทั้งแสดงหมายค้นเข้าตรวจค้นซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบพระธัมมชโย จะปฏิบัติ 6 ขั้นตอน คือ แสดงหมายศาลแจ้งสิทธิตามกฎหมายแจ้งข้อเท็จจริง แจ้งข้อกล่าวหา ถามคำให้การ และเชิญตัวออกมาอย่างสุภาพเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยทางดีเอสไอจะช่วยดูแลศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายด้วย เพราะวัดพระธรรมกายมีความกังวลว่าจะมีบุคคลซึ่งเป็นมือที่ 3 ปะปนอยู่ในวัดเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่ายทางเจ้าหน้าที่จะร่วมมือการเป็นผู้ตรวจสอบและคัดแยกให้ โดยจะมีการตรวจสอบบัตรประชาชนของศิษยานุศิษย์ ซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือเบื้องต้นในการพิสูจน์ตัวตนและคัดกรองคนที่บริสุทธิ์และผู้ไม่หวังดีออกจากกันเท่านั้น


วัดพระธรรมกายยอมให้DSIเข้าเจรจาแล้ว

พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้เดินทางออกมาเพื่อรับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อมาร่วมเจรจากับตัวแทนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมกับเปิดเผยว่า ทางวัดพระธรรมกาย ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ และตำรวจ ในการเข้าปฏิบัติการตรวจค้นวัด แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาขั้นตอน และกำหนดการต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ไม่ขอตอบคำถามว่าพระธัมมชโย ยังอาศัยอยู่ภายในวัดหรือไม่

ขณะที่ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้นั่งรถตู้เข้าไปด้านในวัดพระธรรมกาย บริเวณประตู 7 เพื่อร่วมหารือกับตัวแทนของ ดีเอสไอ และ ฝ่ายกฎหมายวัดพระธรรมกาย


เจรจาเป็นผล!วัดธรรมกายยอมให้ค้น-ตร.ยันยึดกม.

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เดินทาง เข้ามาที่บริเวณประตู 7 และได้เข้าไปภายในวัดพระธรรมกายเพื่อเจรจากับผู้แทนวัดด้วย ซึ่งภายหลังการพูดคุยแล้ว 

พ.ต.อ.ไพสิฐ เปิดเผยว่า ทางวัดพระธรรมกาย ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอเข้าไปตรวจค้นภายในวัด เริ่มจากฝั่งประตู 8 เพื่อค้นหาบุคคลตามหมายจับ โดยจะเข้าค้นทุกพื้นที่ภายใน ซึ่งจะได้ทยอยเข้าตรวจค้นไปแต่ละประตู

ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุว่า เจ้าหน้าที่จะใช้แผนจากเบาไปหาหนัก โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook