2 พี่น้องฆ่าหนุ่มใหญ่ถ่วงแม่น้ำ ฉุนลวนลามแม่วัย 62 ปี 

2 พี่น้องฆ่าหนุ่มใหญ่ถ่วงแม่น้ำ ฉุนลวนลามแม่วัย 62 ปี 

2 พี่น้องฆ่าหนุ่มใหญ่ถ่วงแม่น้ำ ฉุนลวนลามแม่วัย 62 ปี 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี ที่พบศพ นายอรุณ อายุ 43 ปี ไม่สวมกางเกง ใส่เสื้อยืดคอกลมสีน้ำตาล ถูกมัดมือและเท้า ไขว้หลังด้วยเชือกไนล่อนสีเขียว ที่บริเวณแขนและขาตั้งแต่ข้อพับ โดยสภาพศพถูกยิง และมัดติดกับแท่งเสาปูนคอนกรีต กว้าง 25 ซม. ยาว 80 ซม. ถ่วงทิ้งลงแม่น้ำยม แล้วลอยอืดขึ้นผิวน้ำ ที่บริเวณแม่น้ำยม หมู่ที่ 9 ต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

ล่าสุด (20 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามง่าม จ.พิจิตร ได้ทำการจับกุมตัวนายพงค์พีระ อายุ 38 ปี และ นายวสันต์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตรที่ 21/2560 ลงวันที่ 19 ก.พ.2560 ที่ร่วมกันฆ่านายอรุณ แล้วนำศพมัดกับเสาปูน มาทิ้งลงแม่น้ำยม

พ.ต.อ.ชูศักดิ์ แจ่มฟ้า ผกก.สภ.สามง่าม จังหวัดพิจิตร ระบุว่า จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบทราบจากทราบตัวผู้เสียชีวิต ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ใกล้เคียง ซึ่งพบว่าผู้ตายได้ทำการมาเช่าห้องอาศัยบ้านของผู้ต้องหา จึงได้ทำการควบคุมผู้ต้องหามาสอบสวน จนหนึ่งในผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า เนื่องจากมีการทะเลาะกัน ก่อนจะร่วมกัน นำศพมัดกับเสาปูน มาทิ้งในแม่น้ำยม

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ในจุดที่เกิดเหตุ หมู่ที่ 9 บ้านยางโทน ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร พบว่า เป็นสถานที่ที่เปิดกิจการห้องเช่ารายเดือน โดยพบว่า นายอรุณ ผู้ตายเข้าเช่าอาศัย ในห้องเลขที่ 3 นานกว่า 2 เดือน ซึ่งในวันเกิดเหตุ นางแสวง แม่ของผู้ต้องหา อายุ 62 ปี ระบุว่า ขณะที่ตนเองทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน ผู้ตายได้เดินเข้ามาก่อเหตุลวนลาม

เป็นจังหวะที่ลูกชายคนเล็กคือนายพงค์พีระเข้ามาเห็น จึงเกิดโมโหหยิบจอบที่บริเวณหลังบ้านมาตีผู้ตาย จากนั้นได้ให้ผู้ที่เป็นแม่เข้าไปในบ้าน ตนเองไม่ทราบว่าลูกก่อเหตุอะไรต่อ จนรุ่งเช้าไม่เห็นผู้ตายในห้องเช่า และมาทราบข่าวว่าผู้ตายหายตัวไป และมาทราบว่าลูกชายทั้ง 2 คน เป็นผู้ต้องหา

จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำไปเพราะบันดาลโทสะ ที่ผู้ตายเข้าลวนลามจะทำร้ายผู้เป็นแม่พร้อมตั้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook