อ๊อฟแจงโพสต์FBเดือดน้อยใจค่ายไม่ช่วยโปรโมทเพลง

อ๊อฟแจงโพสต์FBเดือดน้อยใจค่ายไม่ช่วยโปรโมทเพลง

อ๊อฟแจงโพสต์FBเดือดน้อยใจค่ายไม่ช่วยโปรโมทเพลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'อ๊อฟ ปองศักดิ์' แจง โพสต์เดือดใน FB น้อยใจค่ายไม่ช่วยโปรโมทเพลง เผย หมดสัญญามีนาคม รอคุยผู้ใหญ่ ปัดอัพหน้าใหม่แค่อ้วนขึ้น

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะจู่ๆนักร้องหนุ่มอย่าง อ๊อฟ - ปองศักดิ์ ถึงกับปรี๊ดแตกโพสต์ระบายลงเฟสบุ๊คส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องผลงานและต้นสังกัดที่เหมือนว่าจะไม่ได้รับความสนใจในเรื่องของการโปรโมทผลงาน จนถึงขั้นเข้าไปคอมเม้นท์ทวงในอินสตราแกรมค่ายด้วย โดยในงานแถลงข่าว "Stage Fighter Round 2 Concert" ณ บริเวณลอบบี้ ชั้น L อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส  ทางอ๊อฟก็ได้ออกมาชี้แจง พร้อมปฏิเสธข่าวหลังมีคนเม้าท์ว่าหน้าเปลี่ยนเพราะย่องไปอัพหน้ามาใหม่

ดูหน้าเปลี่ยนไปทำอะไรเพิ่มมาหรือเปล่า?
"ของการทำศัลยกรรม เราทำมาตั้งแต่แรกแล้วทำตั้งแต่เข้าวงการมา 3 ปีแรกเราก็เริ่มทำจมูกแล้วมันเป็นเรื่องปกติมากเลยนะถ้าให้เทียบกับรูปเก่าดู ก็ยอมรับว่าเราทำ แต่เราทำมานานมากแล้วแต่ด้วยความที่เราโตขึ้นด้วยมั้งเราคงจะดีดูดีขึ้นไปตามวัยถามว่ามีไปเติมหรือทำอะไรเพิ่มไหมไม่ได้เติมเลยอาจจะมีทำโบท็อกบ้างแต่ว่าโบท็อกก็ไม่ได้ทำให้หน้าเปลี่ยนขนาดนั้นแค่กระชับส่วนที่มันเกินๆ มาเท่านั้น อ๊อฟก็ชอบนะ เพราะว่าชอบที่ตัวเองมีแก้ม แต่ว่าเราแค่รู้สึกว่าเราอึดอัดเวลาที่เราทำงานเท่านั้นเองเวลาเราเต้นหรือทำท่าอะไรต่างๆ อย่างรูปในโปสเตอร์ชุดนี้เหมือนกันแต่ตอนถ่ายติดกระดุมได้ตอนนี้ติดกระดุมไม่ได้แล้วเราก็อ้วนขึ้นจริงๆ 5-6 กิโล"


คนรอบข้างมีมาทักมาถามเราไหม?

"ส่วนคนรอบข้างเขาจะทัก เรื่องทรงผมมากกว่าเพราะเมื่อก่อนเราไม่เคยตัดผมสั้นขนาดนี้มาก่อน คนเลยรู้สึกว่ามันแปลกตาไปนิดหน่อย ที่เราตัด มันเริ่มเริ่มต้นจากเราไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วคืนนั้นมันก็รู้สึกแฮงค์ๆ มาส่องกระจกดูหน้าตัวเองเรารู้สึกว่าอยากตัดผมก็เลยโกนผมเลยคืนนั้น จะบอกว่าตื่นนอนขึ้นมา ก็ตกใจว่าตัวเองทำอะไรลงไปวะซึ่งเราไม่ได้ถ่ายผมด้านข้างก่อนนะเราถ่ายตรงกลางก่อนเลยแล้วก็มารู้สึกตัวว่ามันแก้ไม่ได้แล้วน้องจากจะต้องโกนเลย"  


ถามถึงเรื่องที่เราโพสต์เฟสบุ๊ค เหมือนน้อยใจทางค่าย?

"ข่าวไปไกลมากเลยเพราะจริงๆ เฟซบุ๊ก มันเป็น ไพรเวท ของเรานะ เราก็เลยงง แต่ออกไม่ลบนะเพราะทำไมเราต้องลบ จริงๆมันเกิดจากการที่ เราขาดการคุยกันมากกว่าและเป็นอารมณ์ชั่ววูบของอ๊อฟด้วย เพราะอย่างที่อ๊อฟบอก 

ใครที่ตามอ๊อฟ ก็จะรู้ว่าเรากำลังจะมีเพลงใหม่เราก็อยากจะพูดถึงเพลงตัวเอง แต่ว่าเราไม่มีไฟล์ภาพ หรือไฟล์เพลงที่เราจะพูดถึงเลยเราก็เลยต้องไปเซฟรูปต่างๆใน อินสตาแกรมหรืออินเตอร์เน็ต แล้วเอามาโพสต์แต่ว่ามันก็มีอันหนึ่งที่เราอยากได้ถือเป็นไฟล์วิดีโอที่เราจะเอามาโพสต์ลงอินสตาแกรมของตัวเองเพราะตัวอ๊อฟก็รู้สึกว่า อ๊อฟอยากได้มันคงเป็นเรื่องของการไม่ได้คุยกันมากกว่า ถามว่า ตอนนั้นอ๊อฟโกรธหรือน้อยใจ คือเพราะเรารู้สึกแค่ว่าเราแค่น้อยใจนะ ว่าจริงๆมันเป็นงานของเราเราก็อยากจะพูดถึงงานของเราบ้างเราอยากให้คนที่เป็นแฟนๆ ที่ตามเราในไอจีในแฟนเพจเฟซบุ๊ก ให้เขาได้เห็นเพลงของเราและผลงานของเราบ้านแล้วซึ่งทีมงานก็มาขอโทษเรานะ ด้วยความที่ตอนนี้ระบบมันเปลี่ยนไป เปลี่ยนใหม่หมดเลยทำให้มีคนทำงานน้อยลงเพราะคนทำงานน้อยลงศิลปินในค่ายก็มีเยอะบางทีเราอาจจะทำให้พลาดไปในบางเรื่องหรือบางครั้งแต่อย่างที่ออกบอกถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ไฟล์วีดีโอเราพูดไปประมาณ 2 วันก่อน แล้วเขาถึงส่งมาให้แต่พอผ่านไปอีกวันหนึ่งเขาก็ลงรูปอีกรูปหนึ่งในไอจี ซึ่งเราก็ยังไม่ได้เหมือนกัน โอเคโอเคมันอาจจะเป็นเรื่องของการไม่ได้สื่อสาร หรือไม่ได้พูดคุยกันมั้ง ถ้าตามหลักความเป็นจริงของการทำการตลาดระหว่างไฟล์วิดีโอ อ๊อฟฟิเชี่ยล ของค่ายมีคนตามไม่กี่หมื่นคน กับยอดไอจีของเรา คนตามอยู่ 1 ล้าน 1 แสน จะเลือกทำการตลาดอย่างไร แต่นั่นแหละมันอาจจะเป็นเรื่องของการขาดการสื่อสารกันมากกว่า จริงๆเราก็ได้คุยกันเพราะในตอนนี้ระบบมันมีการเปลี่ยนแปลง มันก็มีการรวมค่าให้กัน พอมีการรวมค่ายการกระจายงาน ก็อาจจะมี การพลาดกันไปพลาดกันมาและงานก็อาจจะไม่ได้ออกมาตรงตามเวลาที่เราจะต้องแชร์" 

มีบางประโยคที่อ๊อฟบอกว่า เหมือนไม่ใช่ที่ของฉัน?
" ก็อย่างที่บอกแหละ ตามความรู้สึกของอ๊อฟ ก็คือน้อยใจเราต้องพูดตามตรงว่าในเดือนมีนาคมนี้ อ๊อฟจะหมดสัญญาแล้ว มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเพลงของเรากำลังจะปล่อยในเดือน ก.พ. แล้วในปลายเดือนหน้า (มี.ค.) สัญญาของเราก็จะหมดลงแล้ว มันอาจจะมีอะไรหรือเปล่า เราก็ไม่รู้ไงจะพอเราได้มาคุยกันแล้วก็เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ว่าความรู้สึกส่วนตัวกับการทำงานบางทีมันต้องแยกกัน เพราะตอนแรกต้องบอกตามตรงว่าอ๊อฟแยกไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของอ๊อฟ ซึ่งเราก็อยากจะพูดอย่างงานของเราไง ส่วนเรื่องสัญญา 

ส่วนเรื่องสัญญา ยังอยู่ในขั้นตอนของการคุยกันอยู่เพราะทุกอย่างมันต้องใช้เวลาและ อีกอย่างหนึ่งคืออยู่กับที่นี่มา 12 ปีแล้ว มันก็เลยทำให้ เรารู้สึกว่าเราอยากจะโต แต่เราก็ไม่ได้ลืมหรือเนรคุณนะ เราแค่รู้สึกว่า เราอยากจะอยู่ในจุดที่เราสบายใจ เราทำงานมา 12 ปี เราก็รู้สึกว่าเราอยากจะทำในสิ่งที่เราอยากทำ อยากเลือกในสิ่งที่เราอยากเลือก อยากอยู่ในจุดที่เราสบายใจ"


แนวโน้มเรื่องสัญญาเราจะไปทิศทางไหน จะเป็นอิสระหรือเปล่า?
"ส่วนแนวโน้มที่จะอยู่หรือจะไปก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการคุยกันถ้าดูว่าข้อตกลง จะเป็นยังไง แต่พูดตรงๆ อ๊อฟรักที่นี่มาก แต่ว่าในบางเรื่องที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะอยู่ แล้วมันต้องมาเจอกันครึ่งทาง ไม่ใช่ว่าเราต้องเดินไปหาเขา หรือเขาต้องเดินมาหาเราอย่างเดียวมันต้องเจอกันครึ่งทางถามว่าอยากเป็นศิลปินอิสระไหม ปัจจุบันนี้อ๊อฟคิดว่าเรื่องของเพลงเราพูดกันตรงๆนะขายยากมาก เพราะว่า คนฟังเพลงเปลี่ยนวิสัยของการฟังเพลงไปแล้วส่วนใหญ่เขาจะฟังจากโซเชียลและการแชร์ใน ยูทูปแล้วศิลปินส่วนใหญ่ก็อยากจะได้งานโชว์เยอะๆ แต่ว่าการที่จะมีงานโชว์มันก็ต้องมีงานเพลงที่ดีก่อน แล้วตัวตนของเราจริงๆ ชอบคิดว่าถ้าเราคุยกันได้ตกลงกันได้ก็เจอกันครึ่งทางออกก็สบายใจที่จะอยู่มากๆ"



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook