ค้นวัดพระธรรมกายต่อ-วัดเตือนระวังพระปลอมแฝงทำร้ายจนท.

ค้นวัดพระธรรมกายต่อ-วัดเตือนระวังพระปลอมแฝงทำร้ายจนท.

ค้นวัดพระธรรมกายต่อ-วัดเตือนระวังพระปลอมแฝงทำร้ายจนท.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเอสไอ ประชุมร่วมตำรวจ วางแผนค้นวัดพระธรรมกายวันที่ 6 ด้านวัดออกประกาศเตือน ระวังพระปลอมแฝงตัวทำร้ายเจ้าหน้าที่

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกันที่ สภ.คลองหลวง เพื่อประเมินสถานการณ์วางแนวทางปฏิบัติการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในวันนี้ หลังเมื่อวานเกิดเหตุชุลมุนที่ประตู 5 และ 6 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนต้องรอผลการประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ขณะที่ประตูทางเข้าวัดพระธรรมกาย พบว่า ลูกศิษย์บางส่วนได้เดินทางออกจากวัด และยังคงมีกำลังตำรวจตรึงกำลังอยู่บริเวณโดยรอบ และตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมายังคงมีศิษย์ของวัดพระธรรมกายเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุการณ์โดยรอบยังเป็นไปตามปกติ

ด้านวัดพระธรรมกายได้ออกแถลงการณ์จากสำนักสื่อสารองค์กร เตือนว่า อาจมีมือที่สามแฝงตัวมาในรูปแบบแต่งกายคล้ายพระสงฆ์หรือลูกศิษย์มาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และโยนความผิดให้กับทางวัด รวมถึงประกาศห้ามสื่อมวลชน ประกอบด้วย สำนักข่าวทีนิวส์ อัมรินทร์ และสำนักข่าวเนชั่น เข้าไปภายในวัดพระธรรมกายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผล


วัดพระธรรมกายประกาศลั่นป้องเหตุรุนแรงไม่ใช่ฝีมือลูกศิษย์

ความเคลื่อนไหวในแอปพลิเคชั่นไลน์กลุ่ม "News วัดพระธรรมกาย" มีการเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า ประกาศสำนักสื่อสารองค์กร วันที่ 21 ก.พ. 2560 เวลา 09.00 น. เนื่องจากมีการเตือนมาจากพี่น้องสื่อมวลชนและโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่า จะมีการแทรกตัวของมือที่สาม อาจจะมาในรูปแบบแต่งกายคล้ายพระหรือประชาชน มาทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วป้ายความผิดให้กับพระและสาธุชนภายในวัด 


ดังนั้น วัดพระธรรมกายขอประกาศ ว่า วัดและลูกศิษย์ยึดหลัก อนูปวาโท (ไม่ว่าร้ายกัน), อนูปฆาโต (ไม่ทำร้ายกัน), ปาฏิโมกเขจะสังวโร (สำรวมในศีลและปาฏิโมกข์) และหลัก "สงบ สันติ อหิงสา" วัดพระธรรมกาย ปฏิเสธความรุนแรงทุก ๆ ประการ ดังนั้น หากมีความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นจากมือที่สาม วัดพระธรรมกายขอปฏิเสธว่า ไม่ใช่การกระทำของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย 


พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย
21 ก.พ. 2560


ผบ.ตร.รอค้นวัดพระธรรมกายไม่รู้มีคนหนุนหลัง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์เกี่ยวกับการเข้าตรวจค้นและดูแลความปลอดภัยบริเวณวัดพระธรรมกาย ยังเป็นไปอย่างปกติ และขณะนี้ทางดีเอสไอรอเข้าไปตรวจค้น โซน A และ B ของวัด โดยมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งของวัดไม่ยินยอมให้เข้าไปตรวจค้น


ส่วนการตรวจค้นนั้นทางดีเอสไอ จะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะต้องค้นวันนี้ให้ได้ โดยมีเป้าหมายในการเข้าตรวจค้นอยู่แล้ว ส่วนการใช้ มาตรา 44 นั้น ย้ำว่าหากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี เชื่อว่าประชาชนรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอยู่แล้ว จึงขออย่าทำผิด ทั้งนี้ ได้ปฏิเสธไม่ทราบ 2 มหาเศรษฐี คอยหนุนหลัง และให้การช่วยเหลือพระธัมมชโย ส่วนทางวัดใช้โซเชียลปลุกระดมคนนั้น มีการป้องกันอยู่แล้ว พร้อมเรียกร้องให้พระธัมมชโยมอบตัวต่อสู้คดี อย่านำมวลชนมาเป็นเครื่องมือในการปกป้องตนเอง พร้อมขอให้สื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ส่วนสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ ทางดีเอสไอจะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์แต่อย่างน้อยกำหนดไว้ 7 วัน ทั้งนี้ เห็นว่าศิษย์ควรให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นตามหมายศาล ซึ่งการไม่ให้ค้นมองว่าอาจมีเจตนาไม่ดี เพราะหากให้ค้นยอมทำตามกฎหมายเรื่องก็จบ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า มาตรา 44 สามารถจับกุมพระธัมมชโยได้แน่นอน เพราะกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย พร้อมกล่าวว่าไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่มองว่าการกระทำของวัดในขณะนี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่เป็นการกระทำแบบนักเลงมากกว่า โดยย้ำตำรวจไม่ใช้ความรุนแรง เพราะไม่มีความจำเป็น และยืนยันตำรวจไม่ได้พกอาวุธ รวมทั้งสนับมือตามที่มีกระแสข่าว

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ไม่ได้ให้ราคากรณีพระธัมมชโยไม่มอบตัว แต่เวลาถูกจับกุมอย่าเรียกร้องขอปล่อยตัวแล้วกัน พร้อมระบุยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับกำลังดูแลภายในวัด แต่ตนเองเป็นห่วงประชาชนคนบริสุทธิ์ในบริเวณนี้มากกว่า จึงใช้กำลังจำนวนมาก ไม่ใช่การขี่ช้างจับตั๊กแตน มาจับพระเพียงรูปเดียว


รองผบช.ภ.1ตรวจกำลังประตู5-ยันไม่เพิ่มกำลัง 

พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ลงพื้นที่บริเวณถนนเลียบคลองแอนฝั่งประตู 5 วัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหามบุคคลภายนอกเข้า - ออก วัดพระธรรมกายตามประกาศใช้อำนาจมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจคัดกรองพบมีดพก 1 เล่ม บริเวณประตู 8 วัดพระธรรมกาย ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ภาพรวมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่จำเป็นต้องปรับกำลังหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม โดยยังใช้กำลังจากตำรวจอารักขาควบคุมฝูงชน ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จำนวน 26 กองร้อย สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน โดยให้ประจำจุดต่าง ๆ ส่วนเรื่องภายในของวัดพระธรรมกาย และเรื่องอื่น ๆ ปฏิเสธที่จะออกความเห็น โดยระบุว่า มาตรวจกำลังเท่านั้น และขอให้เป็นหน้าที่ของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ 

พร้อมยอมรับว่า เตรียมประสานดีเอสไอ ให้ตรวจสอบกรณีพ่อค้าแม่ค้าได้นำส่วนประกอบอาหารเข้าไปภายในวัดพระธรรมกาย โดยพ่อค้าแม่ค้าอ้างว่าได้ขอเอกสารลงบันทึกประจำวันการเข้าออกแล้วที่ สภ.คลองหลวง เนื่องจากมองว่าน้ำหนักไม่เพียงพอ ซึ่งจะได้กลับไปพิจารณาว่าต้องใช้อะไรเพิ่มเติมบ้าง พร้อมกำชับหัวหน้าชุดอารักขาควบคุมฝูงชนเข้มงวดคัดกรองคนเข้าออกมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมที่ สภ.คลองหลวง และในเวลา 17.00 น. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย จะประชุมกันอีกครั้งที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 โดยจะสรุปภาพรวมการปฏิบัติ วันที่ 6 อีกครั้ง


นายกฯไม่เลิกม.44คุมวัดพระธรรมกายขออย่ายุยง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงข้อเสนอจากพระลูกวัดพระธรรมกายให้ยกเลิกมาตรา 44 ที่ประกาศให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ว่า ยืนยันว่าไม่ยกเลิกมาตรา 44 เนื่องจากยังนำผู้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีไม่ได้ ก็ยังไม่สามารถยกเลิกได้ และวัดพระธรรมกายยังต้องเป็นพื้นที่ควบคุมต่อไปจนกว่ามีการมอบตัวหรือดำเนินคดี จากนั้นก็ต้องมีการบริหารจัดการใหม่ ขณะเดียวกัน ขออย่ายุยงปลุกปั่น และยืนยันว่าไม่ว่ามาตราใดก็ตาม หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า 7 วัน จะได้ข้อยุติว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป โดยวันนี้มีการทำงานร่วมกัน ทั้ง สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคม เพื่อดูว่าจะทำอย่างไร ให้วัดพระธรรมกายเป็นสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าไปได้โดยทั่วไป ไม่มีความแตกต่างจากวัดอื่น ๆ ส่วนเรื่องคดีความก็เป็นเรื่องของบุคคล หากใครทำความผิดก็ว่ากันตามกระบวนการ และขอให้ไปบอกบุคคลที่ทำความผิดให้มามอบตัว ไม่ใช่ไล่เจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมถามกลับว่าพระเอาผ้าปิดจมูกมีความเหมาะสมหรือไม่




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook