นายกฯยึดกม.พระธรรมกายขออย่าใช้กฏหมู่กดดันจนท.

นายกฯยึดกม.พระธรรมกายขออย่าใช้กฏหมู่กดดันจนท.

นายกฯยึดกม.พระธรรมกายขออย่าใช้กฏหมู่กดดันจนท.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ย้ำยึดกฎหมายดำเนินการค้นวัดพระธรรมกาย เน้นเบาไปหนัก ขออย่ารุนแรง แนะพระธัมมชโยมอบตัว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพิ่มเติมว่า การดำเนินการกับวัดพระธรรมกายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหน้าที่อยู่แล้ว จึงขออย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง และไม่ว่าประชาชนหรือพระก็ต้องให้ความร่วมมือ ซึ่งเป็นการทำงานภายใต้กฎหมาย จึงไม่อยากให้ใช้กฎหมู่มากดดันเจ้าหน้าที่ เพราะจะทำให้การทำงานยากขึ้นและอาจเกิดการบาดเจ็บสูญเสีย ขณะเดียวกันขอสื่อลดการนำเสนอข่าวในเรื่องนี้ เพราะจะทำให้การสร้างแนวร่วมและมวลชนลดลง ซึ่งยืนยันว่าส่วนตัวรักชีวิตคนทุกคน แต่จะต้องรักษากฎหมายและกติกาของบ้านเมือง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้พิจารณาในการดำเนินการตามกฎหมายจากเบาไปหาหนัก โดยให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจในประเด็นเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ผู้ที่กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมขอให้พิจารณากันต่อไปว่าสิ่งที่ถูกต้องควรทำอย่างไร ไม่ใช่ต้องทำลายทิ้งทั้งหมด และเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องพิจารณาว่าจะให้เป็นสถานที่ทำบุญต่อไปอย่างไร

 

นายกฯอัดกกต.ชงประชามติโรงไฟฟ้าใช่หน้าที่หรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวชี้แจงกรณีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ ว่า ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มกระบวนการใหม่ หรือนำของเก่ามาทบทวนก็ไม่ต่างกัน เพราะหากทำก็ต้องนำของเก่ามาทบทวนด้วย ว่าทุกคนยอมรับหรือไม่ ทั้งของเก่าและของใหม่ที่ยังไม่แล้วเสร็จกว่าร้อยข้อ ดังนั้นหากของเก่าไม่เข้าใจ ก็นำมาพิจารณาว่าที่ได้ดำเนินการไปแล้วเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ต่างจากการเริ่มทำใหม่ ส่วนที่มีคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. เสนอให้มีการทำประชามติกรณีโครงการดังกล่าวนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวสั้นๆ ว่า เป็นหน้าที่ของ กกต. หรือไม่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี ยื่นหนังสื่อถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขอย้ายไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น ว่า จากการสอบถามกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับข้อมูลว่า เป็นความต้องของ นายศรายุทธ ที่ขอย้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ไม่ใช่การสั่งย้ายเพราะกระทำผิด ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า ถูกกดดันจากผู้ประกอบการ ให้ลดค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานใหม่นั้น ส่วนตัว มองว่าเมื่อถูกกดดันและเห็นว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ต้องให้คนอื่นมาทำ

 

นายกฯหวังกพข.หวังทำให้ประเทศมีรายได้สูงขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้น พ้นกับดักจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง ซึ่งเรื่องสำคัญ คือ การสร้างความเข้าใจว่าในการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง คือเกิดความไว้วางใจในการค้าการทุนต่างๆ ว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในหลายๆ เรื่องด้วยกัน ดังนั้น จะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ เนื่องจากมีการประเมินจากหน่วยงานภายนอกหลายๆ หน่วยงาน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า มีประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลรัฐประหาร แต่ส่วนตัวยืนยันว่าทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและดีกว่าที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การปรับโครงสร้างการปฏิรูปที่คิดว่ารัฐบาลนี้ดำเนินการมากที่สุด แต่อาจต้องทำความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงการสื่อสารให้มากขึ้น เพื่อสร้างภาพรวมของประเทศให้ทุกคนได้เห็นว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการในเรื่องใด ไม่ได้ทำเพื่อคนรวย ไม่ได้ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ แต่ทำให้เกิดห่วงโซ่ลงมาถึงคนข้างล่าง และทำข้างล่างขึ้นไปข้างบนด้วย เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งของภาคประชาชน

 

นายกฯย้ำเข้มแข็งปท.ไม่ใช่แค่ด้านศก.ปชช.สำคัญที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ความเข้มแข็งของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับด้านเศรษฐกิจโดยรวมทางด้านธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ความเข้มแข็งของภาคประชาชนมีส่วนสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนไปด้วยกันและมีความคาดหวังว่าจะเกิดการลงทุนมากขึ้น พร้อมสร้างความเข้าใจกับภาคประชาชนให้ได้ว่า การมีการค้าการลงทุนมากขึ้นเป็นการเพิ่มรายได้มวลรวมของประเทศ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ นอกเหนือการใช้ภาษีการส่งออกอย่างเดียวซึ่งไม่เพียงพอ โดยเมื่อวานที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติกองทุนเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลใดทำแต่รัฐบาลนี้ทำ

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการป้องกันแก้ไขการทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งวันนี้กำลังร่างมาตรา 44 ในการจัดตั้งคณะกรรมการดูแลในโครงการที่มีมูลค่า 5,000 ล้านขึ้นไป ที่ต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่ขั้นต้น โดยกรมบัญชีกลางมีหน้าที่ในการออกกฎระเบียบใหม่ในเรื่องของอีบิดดิ้ง ราคากลาง และการมีส่วนร่วมของผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องในการกำหนดราคากลาง รวมถึงการคิดโครงการของหน่วยงานกระทรวงต่างๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยรัฐบาลดำเนินการอย่างเต็มที่ จึงขอให้ช่วยกันเฝ้าระวัง เพราะคนไม่ดีมีอยู่ทั่วไปจึงพยายามปิดรูรั่วให้ได้มากที่สุด และเอาจริงเอาจังในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากหลายเรื่องเกิดมายาวนานและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง จึงต้องเร่งแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook