เกิดยิ่งกว่าพระนาง! เปิดใจ "ครูอ้วน มณีนุช" คุณป้าขาจอมแย่งซีน

คุณป้าขา…กลายเป็นอีกหนึ่งวลีฮิตติดหูของละครเย็นทางช่อง 7 สี ที่แม้จะถูกมองว่าเป็นละครน้ำเน่ายุงชุมแห่งปี แต่กลับได้ใจแฟนละครโกยเรตติ้งสูงกว่าละครหลังข่าวด้วยซ้ำ สำหรับละครเรื่อง "เกิดเป็นกา" ที่นอกจากมีเรื่องราวของ พระ-นาง ให้ได้ติดตามแล้ว "คุณป้าขา" ยังเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มาสร้างสีสัน จนเกิดกระแสหมั่นไส้แรงกับอินเนอร์การแสดงของ "ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต"  ที่หากออกมาให้เห็นฉากไหนเป็นอันต้องเล่นใหญ่จัดเต็ม

"คุณป้าขา" จอมแย่งซีน

หลังจากละครเกิดเป็นกาออกอากาศไปเพียงไม่กี่ตอน ครูอ้วนบอกว่ากระแสความหมั่นไส้ที่ได้รับมานั้นไม่ใช่หมั่นไส้เพราะเกลียดชัง แต่เป็นความหมั่นไส้ที่แฟนละครเจอตนเองแล้วอยากจะเข้ามากอดมากกกว่า  สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ตนเองรู้ว่าการแสดงที่ตั้งใจแสดง เมื่อผลลัพธ์ออกมากับดีจนน่าตกใจ"

"คือละครเรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นละครเย็นมันจึงมีโจทย์ให้เรารู้ว่าต้องเว่อร์ เพราะช่วงเย็นๆ ทุกคนเลิกงานมานั่งทานข้าวทีวีเปิดทิ้งเอาไว้ ฉะนั้นต้องเว่อร์ให้คนหันมาดู ต้องจี๊ดเพื่อที่จะให้คนต้องมอง ได้โจทย์แบบนี้เราก็จัดเต็มได้สิ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ อ้วนก็เล่นไปตามบทของคุณป้าขา เพียงแต่ว่าอ้วนใส่อารมณ์ลงไปเท่านั้น อ้วนเล่นโทนเสียงคือเราเป็นนักร้อง เป็นครูสอนร้องเพลง เราก็เลยจะรู้จักใช้ลมหายใจตรงนี้"

 ถามต่อไปถึงในส่วนของเพื่อนๆ และน้องๆ นักแสดงที่ต้องร่วมงานกับครูอ้วนนั้น เมื่อทราบว่าจะต้องแสดงกับครูอ้วน มีวิธีรับมืออย่างไรกับความเล่นใหญ่ครูอ้วน  

 "อ้วนก็ได้มีการบอกและเกริ่นให้ทุกคนที่ต้องเล่นกับอ้วน ว่าขอโทษนะพี่เล่นแรงนะ (หัวเราะ) ที่หนูคิดว่าแรงแล้วพี่แรงกว่านะ เพราะฉะนั้นหนูต้องอยู่ในของหนูไปนะ อย่ามาสนใจพี่ คือเราก็ไม่อยากไปไม่เกียรติกับนักแสดงทุกท่าน ก็คิดว่านักแสดงทุกท่านก็ต้องวางคาแร็คเตอร์ของตัวเองมาอยู่แล้ว ถ้าเกิดเราไปล้ำเส้นเขามันก็คงไม่งาม ฉะนั้นเราจึงเตือนเฉยๆ พี่แรงนะ และพี่ก็เป็นตัวของพี่สูงที่หนูคิดไว้อยู่แล้ว เผื่อไว้อีกเท่านึงก็ดีนะ"

"ครูอ้วน" นักแสดงอินเนอร์ใหญ่

หลายๆ ครั้งกับการแสดงของครูอ้วนมักจะเห็นว่าคาแร็คเตอร์ที่ได้รับนั้นจะออกไปในทางเล่นใหญ่ ตัวอย่างเช่นละครเกิดเป็นกา ในบทคุณป้าขาที่ออกมาแต่ละฉากรัชดาลัยถึงกับต้องเรียกพี่

"ไม่หรอก (หัวเราะ) คือคนก็อาจจะมองไปแบบนั้น เพราะว่าอ้วนเล่นละครเวทีมา อ้วนอาจจะมีสารเริ่มต้นมาจากการเป็นนักร้อง และการร้องเพลงของเราก็ค่อนข้างเป็นเพลงแนวของดีว่า และมีโอกาสได้เล่นละครเวที บทที่ได้รับก็เป็นบทแรงเพราะฉะนั้นอินเนอร์เราจะใหญ่ ถ้าพูดในเรื่องการแสดงก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้รับเกียรติแสดง เขาเรียกว่ามันเป็นความสุขของผู้ชมเราก็มีความสุขด้วย แต่ขณะเดียวกันถ้าเราได้เล่นบทที่แตกต่างแล้วคนดูรู้สึกว่าเล่นได้ด้วยหรอมันก็เป็นรางวัลว่าคนนี้เล่นได้หลากหลายรูปแบบ"

นอกจากครูอ้วนจะบอกที่ไปที่มาของเหตุผลทำไมตนถึงเป็นนักแสดงที่เล่นใหญ่จนกระจ่างแล้วนั้น ในอีกมุมหนึ่งครูอ้วนบอกว่าตนเองทราบดีว่าคอละครบางส่วนอาจจะมองเป็นความเยอะที่น่ารำคาญ แต่ก็เลือกรับฟังไว้ แต่ไม่นำมากดดันตัวเอง

"อ้วนอยากจะบอกว่าศิลปะนะคะ มันก็เหมือนรูปหนึ่งรูปไม่ได้สามารถจะทำให้ทุกคนมีความสุขได้หมดเพราะศิลปะเป็นสิ่งที่กว้างมาก และยังมีเรื่องของการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันก็ยากเข้าไปใหญ่ที่จะให้คอนซูเมอร์ที่จะมาเสพ ฉะนั้นเราเป็นนักแสดงเราต้องมีสมองที่ต้องแยกแยะด้วยว่าศาสตร์ของศิลปะทำเสร็จจบแล้ว"

"ก็ต้องมีสมองในเรื่องของการรับเรื่องของการตลาดเข้ามาด้วย ไม่งั้นเราจะประคองอารมณ์ของเราไม่ได้ วันที่เราถ่ายทำเราใส่ความเป็นศิลปินศิลปะเต็มที่ พอกองปิดเราต้องเปิดหัวเราเป็นการตลาด พอวันที่ละครออกอากาศเราต้องแบ่งเป็นสองอารมณ์ เราถึงจะมีความสุขไปกับมันได้ ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นคนที่เครียดเอง"

หลังจากที่ครูอ้วนบอกถึงที่ไปทีมาของการแสดงที่โดนหมั่นไส้แล้วนั้น ครูอ้วนยังเล่าถึงเรื่องราวประทับใจกับคาแร็คเตอร์คุณป้าขาที่วันนี้เสียงตอบรับล้นหลาม

"มีหลายเรื่องน่ารักๆ นะคะ เวลาไปไหนอ้วนจะถูกเรียกคุณป้าขาๆ ตลอด พอโดนเรียกที่ไรก็ต้องหันไปทุกทีไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้เรียกเราซะหน่อย บางทีก็มีเด็กเล็กๆ บอกแม่ๆ ขอถ่ายรูปกับคุณป้าขาหน่อย และก็มีเป็นคุณป้าจริงๆ ก็เรียกเราว่าคุณป้าขาและก็มาขอถ่ายรูปด้วย สิ่งเหล่านี้อ้วนคิดว่าเขาคงมีความสุขไปกับบทบาทของเรา"

"ส่วนเราก็มีความสุขเวลาเวลาที่เขาเรียกเราในคาแร็คเตอร์นั้นๆ เป็นเสียงสวรรค์เลยที่คนบอกอยากดูคุณป้าขา มันยิ่งรู้สึกดีเป็นแรงใจเป็นรางวัลที่ทำให้หายเหนื่อย อ้วนอยู่ในวงการมาปีนี้ก็ปีที่ 29 อ้วนว่ามันเป็นการตอบรับที่บอกอ้วนว่าเธอยังอยู่ในวงการนี้ได้ คนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คือตัวเราเองว่าเรายังมีคุณค่าอยู่ เป็นที่จดจำของเด็กรุ่นใหม่มากขึ้นมันก็เป็นรางวัลโบนัสที่สูงมากเรายังไม่ตายไปจากสังคมบันเทิง"