DSIตัดเน็ต,มือถือวัดพระธรรมกาย-พระขอรบ.เปิดสัญญาน

ดีเอสไอ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต โทรศัพทย์ ในและนอกวัดพระธรรมกายแล้ว ขณะที่ พระสนิทวงศ์ ทำสัญลักษณ์จุดเทียนกลางวัน ขอรัฐเปิดสัญญาณโทรศัพท์ ยัน วัดไม่ได้เป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทำการตัดสัญญาณบริเวณรอบวัดพระธรรมกาย ว่า ยอมรับว่าดีเอสไอได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่เข้าร่วมประชุมสรุปสถานการณ์เมื่อช่วงเช้านี้ เพื่อให้ดำเนินการตัดสัญญาณและอินเทอร์เน็ตบริเวณภายนอกและในวัดพระธรรมกาย เนื่องจากพบว่ากลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลอันเท็จและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด และเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นทำให้กระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะมีการตัดสัญญาณเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ตามอำนาจที่ คสช. ออกประกาศให้บริเวณวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมาพบว่าสัญญาณโทรศัพท์ของบางเครือข่ายบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ประตูทางเข้าที่ 5 และ 6 ของวัดพระธรรมกาย ไม่สามารถใช้งานได้ คาดว่าเจ้าหน้าที่ได้เริ่มทยอยตัดสัญญาณในบางจุดแล้ว

วัดพระธรรมกายจุดเทียนขอรัฐเปิดสัญญาณโทรศัพท์  

พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ จุดเทียนกลางวันหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือภายในและรอบวัดพระธรรมกายส่งผลต่อระบบการสื่อสาร ขัดข้อง โดยมองว่าการตัดสัญญาณโทรศัพท์นั้น เป็นการเปิดแนวรบทางโซเชียล ซึ่งมองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ เพราะวัดพระธรรมกายไม่ได้รบกับใครและขอสื่อบางสำนักอย่าสร้างมายาคติแบบผิด ๆ ว่า วัดเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ขอวัดชี้แจงขอเท็จจริงผ่านสื่อว่า ทุกคนควรมีเสรีภาพเท่าเทียม การตัดสัญญาณเห็นว่าทำเกินกว่าเหตุ เพราะนอกจากวัดได้รับผลกระทบแล้ว ประชาชนรอบวัดยังได้รับผลกระทบอีกทั้งเห็นว่า เป็นการปิดกั้นเสรีภาพ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงมีสรรพกำลังจำนวนมากทางวัดจึงขอช่องทางการสื่อสาร เพราะศิษย์ที่อยู่ในวัดทำให้ญาติเป็นห่วง ขอให้รัฐบาลเห็นใจ เพราะไม่สามารถติดต่อได้ การตัดสัญญาณสร้างความมืดบอดให้สังคม จึงขอให้เปิดสัญญาณและต่อสู้ความจริงด้วยมือเปล่าและอย่าใช้ความรุนแรง

พระสนิทวงศ์ ยังยืนยันด้วยว่า วัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นภัยแต่ประเทศชาติ แต่ที่ผ่านมาได้ดำเนินการโครงการต่าง ๆ ทั้งการเผยแพร่พระพุทธศาานา ช่วยเหลือสังคมในหลาย ๆ ด้าน อาทิ แก้ปัญหาวัดร้าง ช่วยเหลือพระสงฆ์ 323 วัดภาคใต้ แก้ไขปัญหาเยาวชน ช่วยเหลือยามมีภัยพิบัติ โดยโครงการเหล่านี้ช่วยแก้ไขปัญหาเป็นการสร้างความมั่นคงเป็นพื้นฐานต่อการพัฒนาประเทศ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม พระสนิทวงศ์ กล่าวด้วยว่า พระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ ได้แสดงความห่วงใยต่อ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกาย และได้ทำหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยกเลิก ม.44 พร้อมระบุขอให้ดีเอสไอ อย่าใช้ความรุนแรงในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นวันพระ และขอให้พระภิกษุสงฆ์ได้ปฏิบัติศาสนกิจตามปกติ

DSIประเมินจะเข้าค้นวัดอีกหรือไม่-ปล่อยพระมหานพพรกลับแล้ว

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดผยแนวทางปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อเข้าจับกุม พระธัมมชโย ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและรับของโจรสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า การปฏิบัติวันนี้อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ว่าจะเข้าค้นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะโซนเอและโซนบี ที่ยังไม่สามารถตอบสงสัยให้กับสังคมได้ 

ขณะที่ การรวมตัวของเครือข่ายวัดพระธรรมกายที่ตลาดกลางคลองหลวง รองอธิบดีกีเอสไอ ยืนยันว่า เป็นพื้นที่ควบคุม ตามคำสั่ง คสช. ม.44 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไว้ดำเนินการตามกฎหมายย้อนหลังกับผู้ที่ฝ่าฝืนแล้ว พร้อมฝากย้ำไปยังประชาชนที่จะนำอาหารมาถวายเพลหรือส่งให้บุคคลภายในวัด ให้นำมารวบรวมไว้ที่ประตู 7 เท่านั้น เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้คัดกรอง ไม่ให้บุคคล ที่ไม่หวังดีเข้ามาอาศัยจังหวะก่อเหตุ 

ส่วนความคืบหน้าการออกหมายเรียก พระธัมมชโย กับพระลูกวัด รวม 14 รูป ขณะนี้มี พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้เข้ารายงานตัวแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวกลับไป ส่วน พระเเสนพล ได้ติดติดต่อจะเข้ามารายงานตัวแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฐานผิดคำสั่งเจ้าพนักงาน ส่วนพระที่เหลือ อีก 11 รูป อยู่ระหว่างพิจารณาออกหมายจับ

เณรวัดพระธรรมกายบิณฑบาตม.44รอบ3

กลุ่มพระภิกษุ สามเณร และศิษย์ของวัดพระธรรมกาย จัดกรรมขอบิณฑบาต มาตรา 44 หยุดย่ำยีพระพุทธศาสนา โดยมีการเขียนป้ายไวนิลขนาดใหญ่ระบุข้อความ 'ขอค้านมาตรา 44 กับองค์กรสงฆ์ เพื่อความสงบสุขร่มเย็น ของสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์" โดยรูปแบบการจัดกิจกรรมครั้งนี้สามเณร และศิษย์ของวัด เดินทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ บิณฑบาตริมถนนคลองหลวง โดนมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารคอยกันไม่ให้ลงไปไปเดินริมฟุตปาธ ซึ่งการจัดกิจกรรมใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น พระและศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ได้หลบเข้าไปนั่งสวดมนต์ ทำกิจกรรมภายในเต็นท์ตามปกติ โดยไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น

ทั้งนี้ พระลูกวัด ยืนยันว่าการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะข้ามฝั่งไปยังประตู 5 และ 6 ของวัด โดยจะยังคงปักหลักอยู่ที่ตลาดกลางคลองหลวง จนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรา 44 พร้อมระบุถึงความจำเป็นที่ต้องออกบิณฑบาตเป็นครั้งที่ 3 ว่า เนื่องจากการบิณฑบาต 2 รอบแรก ไม่ได้ผล พร้อมกันนี้ ได้ตัดพ้อ กรณีที่ ดีเอสไอ อนุญาตให้นำข้าวกล่องเข้าไปในวัดได้วันละ 300 กล่องเท่านั้น ว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากพระและลูกศิษย์ของวัดมีมากกว่า 300 คน จึงต้องการเรียกร้องให้นำอาหารและเสบียงเข้าไปมากกว่า แต่กลุ่มพระและศิษย์ของวัดไม่ได้รับออนุญาต จึงจำเป็นต้องขนอาหารสดต่าง ๆ เพื่อกลับมาที่ตลาด อีกทั้งยังย้ำว่าการถูกตัดสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ลูกศิษย์ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงขอให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวและหากมีการยกเลิก มาตรา 44 แล้ว ก็จะกลับเข้าไปภายในวัดเหตุการณ์ก็จะปกติ

สำหรับกิจกรรมในวันพรุ่งนี้จะมีการจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 500 รูป มั่นใจว่าจะไม่มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์อย่างแน่นอน

ทนายผู้พิทักษ์ศาสนาจี้นายกเลิกม.44ชี้ขัดต่อรธน.

นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ทนายผู้พิทักษ์ศาสนา ออกมาเรียกร้องว่า การใช้มาตรา 44 ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เนื่องจากไม่ได้อำนาจควบคุมทุกอย่าง พร้อมมองว่า ความผิดของพระธัมมชโยไม่ได้มีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ จึงเห็นว่า การใช้คำสั่ง มาตรา 44 ต้องเป็นโมฆะ เพราะ ไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และบริเวณตลาดกลางคลองหลวงตั้งอยู่ในหมู่ 6 ซึ่งไม่ตรงกับที่มาตรา 44 ระบุไว้ว่า ควบคุมเฉพาะพื้นที่ หมู่ 5 จึงมองว่า เป็นพื้นที่ที่อยู่นอกคำสั่ง ม.44 นอกจากนั้น ม.44 กำหนดเพียงไม่ให้ประชาชนเข้าไปในวัดพระธรรมกาย แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้พระภิกษุสงฆ์เข้าไปปฏิบัติธรรมในพระอุโบสถ เช่นเดียวกับระบบสาธารณูปโภค ในทางกฎหมายคือห้ามไม่ให้บุคคลที่ 3 มาทำลายระบบสาธารณูปโภค ไม่ใช่การตัดน้ำไฟ รวมถึงการห้ามไม่ให้ส่งเสบียงอาหาร และน้ำ เข้าไปให้พระสงฆ์ที่อยู่ในวัด เหมือนที่เจ้าหน้าที่ทำอยู่ ซึ่งถือว่า เป็นการกระทำที่ผิดหลักสิทธิมนุษยชน จึงอยากขอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกมาตรา 44

DSI รับตัดสัญญาณโทรศัพท์ หวั่นศิษย์ปลุดระดม 

พันตำรวจเอกทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวยอมรับว่าได้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์และระบบอินเตอร์เน็ต ในพื้นที่โซนเอและโซนบีวัดพระธรรมกาย หลังมีการหารือกับ กสทช. เนื่องจากมีกลุ่มลูกศิษย์ใช้โซเชียลมีเดีย ยุยง ปลุกปั่น ส่งเสริม ให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยยืนยันว่าการตัดสัญญาณ เป็นมาตรการที่มองว่าจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความเหมาะสม ที่จะมีการประเมินวันต่อวัน

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มมวลชน ไม่มีการตัดสัญญาณแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีผู้กล่าวอ้างว่าในจุดดังกล่าวไม่สามารถใช้สัญญาณได้ คาดว่าอาจเกิดจากระบบขัดข้องของเครือข่ายนั้นเอง

นอกจากนี้ ดีเอสไอ ยังได้เชิญผู้ตรวจการรัฐสภาเข้าตรวจสอบบริเวณประตู 5 และประตู 6 ที่มีรั้วลวดหนามล้อมรอบไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้สื่อมวลชนได้นำเสนอว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ แต่จากการตรวจสอบพบว่ารั้วลวดหนามดังกล่าวเป็นของวัดพระธรรมกายที่นำมาล้อมปิดทางเพื่อไม่ใช้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายใน และในวันนี้ผู้ตรวจการก็ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้

ส่วนกรณีผู้ขัดขืนคำสั่ง คสช. นอกเหนือจากพระสงฆ์ 14 รูปนั้น ล่าสุด ดีเอสไอ ได้จัดทำฐานข้อมูลในการร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นรายบุคคล จึงฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้สนับสนุน ว่าหากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดกั้นทางเข้า ออก นักเรียนที่จะเดินทางไปเรียนหนังสือแต่อย่างใด ส่วนผู้ชุมนุมที่อยู่ภายในวัดหากต้องการเดินทางออกมาให้ออกมาทางประตู 7 เพียงทางเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง ::::

วัดพระธรรมกายขอยกเลิกม.44โต้ขวางค้นอย่าตัดน้ำไฟ

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=765765