หนุ่มตามด่า-ถีบรถเก๋ง เข้ามอบตัวแล้ว ยกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่าย

หนุ่มตามด่า-ถีบรถเก๋ง เข้ามอบตัวแล้ว ยกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มภูเก็ตตีนโหดที่ถีบรถยนต์ถนนสายกมลา-หาดป่าตอง ที่กำลังดังในโลกโชเชียล เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว พร้อมขอโทษคู่กรณี รู้สึกสำนึกผิดยอมรับผิดทุกอย่าง ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ขอโทษชาวภูเก็ตด้วยที่ทำให้เสียภาพพจน์การท่องเที่ยว

จากกรณีที่แฟนเพจชื่อ คลิปมันโดน คนเลยแชร์ มีการโพสต์คลิปวีดีโอระบุข้อความว่า “โหดแท้ เส้นกมลาป่าตอง” ซึ่งในคลิปจะเห็นวัยรุ่นชายเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และมีแฟนสาวซ้อนท้ายขับไล่ตามรถยนต์ และพยายามจะเรียกให้รถยนต์หยุดแต่ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่ยอมหยุดรถ ระหว่างนั้นวัยรุ่นชายได้ถีบเข้าไปที่ประตูฝั่งคนขับ 2 ครั้ง หลังจากที่มีคลิปเผยแพร่ในโลกโซเซียลได้มีผู้คนมาคอมเม้นท์ต่างๆ นานา และมีเข้าชมคลิปเกือบล้านครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: แชร์สนั่น คลิปหนุ่มหัวร้อนขี่จยย.ตามด่า-ถีบรถเก๋ง

ต่อมาหลังจากเกิดเหตุ ผู้ขับขี่ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กย-842 ภูเก็ต ทราบชื่อ นายมานพ สุขศรีสินธุ์ อายุ 57 ปี เป็นผู้ขับขี่ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ประเสริฐ ทองพรหม รองสว.(สอบสวน) สภ.กมลา ว่า ได้มีชายวัยรุ่นขับไล่ตามรถของตนมาและได้ถีบประตูรถ 2 ครั้งได้รับความเสียหาย และสามารถจดจำหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุได้อย่างชัดเจน

ทางเจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่รถจักรยานยนต์ขับไล่ตามมา จนกระทั่งทราบตัววัยรุ่นชายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ และผู้ก่อเหตุต้องการเข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ทางพนักงานสอบสวนจึงได้มีการนัดทั้งผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุมาพูดคุยตกลงกัน

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (25 ก.พ.) ที่ สภ.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.โสภณ บริรักษ์ รองผกก.สส.สภ.กมลา พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประเสริฐ ทองพรหม รองสว.(สอบสวน)สภ.กมลา ได้นัดทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจากัน ระหว่าง นายมานพ สุขศรีสินธุ์ อายุ 57 ปี คนขับรถยนต์เก๋งพร้อมญาติที่นั่งมาในรถยนต์และนักท่องเที่ยวชาวเยอร์มัน และมารดาของนายนัน (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี กับแฟนสาว คนขับรถจักรยานยนต์

โดยระหว่างการพูดคุยทั้งสองฝ่ายพูดจาดีต่อกัน นายนัน (นามสมมุติ) ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายมานพ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการสอบถาม นายมานพ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วยครอบครัวได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปซื้อสินค้าที่โฮมโปร สาขาถลาง หลังจากซื้อเสร็จตนได้ขับรถเพื่อกลับบ้านพักในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ โดยขับมาตามเส้นทางถนนศรีสุนทร มุ่งหน้าไปทางหาดสุรินทร์

เมื่อขับมาถึงที่บริเวณตลาดสดเชิงทะเล อ.ถลาง ได้มีชายวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ สีขาวแดง มีผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายมาด้วยได้ขับแซงขวาแล้วขับปาดหน้ารถยนต์ตน จึงได้บีบแตรไป 1 ครั้ง ทำให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวไม่พอใจจึงหันมาชี้หน้าตนและพูดว่า “มึงจอดเลยเย็-แม่ มึงบีบแตร มึงรู้ไหม..กูหลานตำรวจ”

ตนเห็นท่าทางไม่ดีจึงได้หยุดรถและขับเรื่อยมาจนถึงหน้าโลตัสเชิงทะเล ชายวัยรุ่นได้ขับรถมาประกบแล้วเคาะกระจกรถของตนเพื่อให้หยุดรถ แต่ตนก็ไม่หยุดชายวัยรุ่นจึงได้ถีบเข้าที่ประตู 1 ครั้ง จากนั้นชายวัยรุ่นได้ขับรถตามเรื่อยมา จนถึงหน้าหาดสุรินทร์ชายวัยรุ่นได้ถีบเข้าที่ประตูอีกหลายครั้ง ตนจึงได้ขับรถต่อ จนเข้าพื้นที่ ต.กมลา

โดยตนพยายามจะเลี้ยวเข้า สภ.กมลา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ชายวัยรุ่นขับประกบอยู่ด้านขวา ทำให้เลี้ยวเข้าไม่ได้จึงขับเรื่อยมา แล้วได้เลี้ยวเข้าในภูเก็ตแฟนตาซี แต่ชายวัยรุ่นไม่ได้ขับตามมาแล้ว ตนจึงได้เดินทางแจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากประตูฝั่งคนขับและผู้โดยสารได้รับความเสียหาย ยุบเป็นรอยเท้าเสียหายทั้ง 4 บาน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาขับรถประมาทหวาดเสี่ยว ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย โดยในการเจราจานั้น ทางด้านมารดาของวัยรุ่นเลือดร้อน ได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และยอมรับโทษตามกฎหมายทุกประการ พร้อมยกมือไหว้ขอโทษผู้เสียหายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนด้วย

ขณะที่ฝ่าย นายมานพ ยินยอมยกโทษและให้อภัย ไม่เอาผิดในข้อหาทำลายทรัพย์สิน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาผิด พรบ.จราจรทุกข้อหา เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะนายนันปรากฎไม่พบสารเสพติดใด

นายนัน (นามสมมุติ) กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุตนปวดหัวมาก เพราะกลิ่นกาวที่ร้านฟอร์นิเฟอร์ที่ทำงานอยู่ ประกอบกับอากาศร้อนมาก เมื่อถูกรถยนต์บีบแตรไล่และเห็นเป็นชาวต่างประเทศก็เกิดโมโหมาก จึงขับรถตามเพื่อให้ลงมาเคลียร์กัน แต่ไม่ยอมลงยิ่งทำให้ตนโกธรจัดจึงทั้งด่าทอและถีบประตูรถยนต์ตามภาพดังกล่าว

และเมื่อกลับไปถึงบ้านได้อาบน้ำ จึงทำให้ตนอารมณ์เย็นขึ้น พร้อมกับนั่งทบทวนสิ่งที่ทำลงไป ก็รู้สึกเสียใจมาก เมื่อทางเจ้าหน้าที่ประสานมาให้เข้ามอบตัวจึงเดินทางมาในวันนี้ เพราะรู้สึกสำนึกผิดจริงๆ หากย้อนเวลากับไปได้จะไม่ทำอย่างนี้อย่างเด็ดขาด ยิ่งมาเห็นคลิปภาพตัวเองแล้ว ก็ทำให้เสียใจต่อเหตุการณืที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก จึงได้กราบขอโทษบังนพด้วย และขอพี่น้องชาวภูเก็ตด้วยที่ทำให้ภาพลัษณ์ด้านการท่องเที่ยวเสียหาย แต่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook