ปธ.วิปรัฐบาลย้อนรอยใช้วิธีปิดอภิปรายแก้เกมป่วนนับองค์

ปธ.วิปรัฐบาลย้อนรอยใช้วิธีปิดอภิปรายแก้เกมป่วนนับองค์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงปัญหาการนับองค์ประชุมว่า ความจริงบทบาทในสภาต้องมีความเห็นที่แย้งและต้องมีเรื่องประท้วง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่วิปรัฐบาลต้องการให้บรรทัดฐานในเรื่องนี้มีความชัดเจนว่า หากต้องการจะนับองค์ประชุมเมื่อมีการดำเนินการเปิดการประชุม หรือก่อนที่จะมีการพิจารณาลงมติในร่างพ.ร.บ.สามารถทำได้ตลอด และพวกตนในฐานะฝ่ายเสียงข้างมากก็พร้อมยอมรับ แต่หากฝ่ายค้านไม่อยู่ในห้องประชุมสภา และหลังจากอภิปรายจบแล้วใช้เกมในการป่วนสภาโดยการเสนอนับองค์ประชุม ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องขอปิดอภิปรายและลงมติ เพื่อไม่ต้องการให้เกมป่วนในสภาเป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการออกกฎหมายของรัฐบาลต่อไป

ถ้านับองค์ประชุมตามหลักเกณฑ์ที่ผมเรียนไปแล้ว ก็จะไม่มีการปิดอภิปราย แต่ถ้านับองค์ประชุมเพื่อเป็นการป่วนในสภาและฝ่ายค้าน ได้อภิปรายเรียบร้อยแล้วและไม่มีผู้อภิปรายอีกต่อไป อันนี้ชัดเจนว่าเราจะต้องปิดอภิปราย ซึ่งจะบอกก่อนล่วงหน้า และเราเข้าใจว่ากระบวนการดังกล่าวนี้จะทำให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคตในสภา และสภาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราก็ขอความร่วมมืออยู่ แต่ปัญหาหลักคือวิปฝ่ายค้านยังไม่มีเอกภาพ ประกอบกับเพื่อนส.ส.บางส่วนในพรรคร่วมฝ่ายค้านอาจจะยังทำใจไม่ได้อยู่เหมือนที่ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ได้พูด ตรงนี้ผมเข้าใจได้ และคิดว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลที่ต้องสร้างความพร้อมเพรียง และความเข้มแข็งของรัฐบาล แต่จากการทดสอบก็ขอบคุณเพื่อนสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีความพร้อมเพรียงและร่วมประชุมทุกครั้งนายชินวรณ์ กล่าว

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า กระบวนการสร้างความเข้าใจในเรื่องการออกกฎหมายนั้น วิปรัฐบาลจะมีแผนงานด้านนิติบัญญัติที่ชัดเจน เพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลทราบว่ามีกฎหมายอะไรที่สำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ขณะเดียวกันก็ประสานให้ฝ่ายค้านได้ทราบ โดยวิปฝ่ายรัฐบาลมีมติอะไรก็ยินดีที่จะเปิดเผยให้ฝ่ายค้านได้รับทราบ แต่กระบวนการออกกฎหมายตามรัฐธรรมนูญใหญ่ ส.ส.สามารถเสนอกฎหมายได้เลยโดยอิสระ ไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของพรรค จึงเป็นเรื่องสองฝ่ายจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันในการที่จะผลักดันให้กิจกรรมด้านนิติบัญญัติเป็นไปอย่างสร้างสรรและมีประสิทธิภาพ

นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ในระบอบรัฐสภานั้น ฝ่ายบริหารจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยรัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติต้องสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้ฝ่ายบริหารมั่นใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ตนตัดสินใจทำงานในหน้าที่วิปได้อย่างเต็มที่ แต่ตนก็ขอให้สบายใจได้ว่า จะยึดหลักของความเข้าใจซึ่งกันและกัน และยึดหลักประสิทธิภาพของการทำงานด้านนิติบัญญัติ เพราะถ้าสภาทำงานได้ดีก็เป็นน้ำเลี้ยงของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ทั้งนี้จากปัญหานับองค์ประชุมหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง และนำไปสู่กระบวนการของการยุบสภาอย่างแน่นอน ถือเป็นสีสรรตามปกติที่ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป และตนอยากขอความร่วมมือพรรคร่วมฝ่ายค้านว่ามีส่วนใดที่ทำให้ไม่สบายใจ ตนก็ยินดีเปิดกว้างให้ประสานตนได้ตลอดเวลา

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะผลักดันเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีคนในพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์จะควบคุมเสียงอย่างไรว่า ต้องขอเรียกร้องให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง และคิดว่าในพรรคร่วมรัฐบาลสามารถทำความเข้าใจกันได้ว่า ส่วนใดที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นำไปสู่การปฏิรูปทางการเมือง เราอาจจะต้องผ่านกระบวนการที่ต้องสร้างความเข้าใจให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มาตกลงจุดยืนให้ได้ก่อน และที่สำคัญทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารต้องฟังเสียงของประชาชน และที่สำคัญที่สุดคือนักการเมืองทุกคนมีโอกาสทั้งหมด เพียงแต่ให้เดินไปในทางที่ถูกต้องและยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง

ส่วนกรณีที่ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านโต้เถียงกันรุนแรงจนเกือบมีการวางมวยนั้น ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า มีบ้างที่ส.ส.อาจจะมีอารมณ์ในการที่แสดงความคิดเห็นในสภา แต่ตนในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้ให้กำลังใจทั้งสองฝ่ายว่าเราจะต้องมาร่วมกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้สภา มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็สามารถให้วิปทั้งสองฝ่ายหารือกัน ขณะเดียวกันอยากให้ประชาชน ได้ติดตามสาระและบทบาทของส.ส.ในสภา ซึ่งตรงนี้จะช่วยควบคุมพฤติกรรมของส.ส.ในอนาคตด้วย ทั้งนี้ยังมั่นใจว่าสภาไทยคงไม่ไปไกลเหมือนสภาไต้หวันที่รุนแรงจนมีการใช้กำลัง เพราะทุกครั้งที่มีการพิจารณาหรืออภิปรายกฎหมาย ตนได้เก็บข้อมูลพบว่ามีการประท้วง หรือเหตุการณ์ปะทะกันแค่ร้อยละ 10 %ของจำนวนเวลาที่ใช้ในสภา จึงอยากให้มั่นใจว่าเวลาส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ส.ส.ได้อภิปรายและทำงานอย่างมีประโยชน์และเหตุผล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook