อีฟ-ต้น แถลงชื่นมื่น สัญญาใช้ชีวิตรักให้เหมือนพ่อกับแม่

อีฟ-ต้น แถลงชื่นมื่น สัญญาใช้ชีวิตรักให้เหมือนพ่อกับแม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ "อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา" และ "ต้น เติมศักดิ์ ศักดาพร" เข้าพิธีมลคลสมรสตามประเพณีไทยไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ท่ามกลางความยินดีของญาติผู้ใหญ่ และเพื่อนพ้องในวงการ

ล่าสุด (4 มี.ค.) ทั้งคู่ก็ได้ฤกษ์ดีจัดงานฉลองวิวาห์หวานอย่างยิ่งใหญ่ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพิธีการ คู่บ่าวสาวป้ายแดง อีฟ - ต้น ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงความรู้สึกในวันสำคัญและแพลนชีวิตคู่ในอนาคตที่ได้วางร่วมกันไว้ให้เราฟังว่า...

อีฟ: "เราถือว่างานรดน้ำสังข์วันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาเป็นพิธีแต่งงานแล้ว ส่วนวันนี้เป็นพิธีฉลองมงคลสมรส"

ต้น: "สำหรับเรื่องสินสอดทองหมั้นผมได้ดูแลแค่เรื่องแหวน 8 กะรัต ครับ ที่เลือกแหวน 8 กะรัตเพราะเป็นเลขมงคลและผมก็มีเชื้อจีนด้วย เลยเลือกเลขแปด ส่วนอย่างอื่นเช่น แก้วแหวนเงินทอง ก็จะให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการดูแล ซึ่งตัวผมเองไม่ทราบเลยครับ ก็ให้สมน้ำสมเนื้อครับ"

อีฟ: "พ่อก็กล้ายกลูกสาวให้แสดงว่าเขาก็คงพอใจแล้ว"

จดทะเบียนสมรสแล้วหรือยัง?

อีฟ: "จดแล้วค่ะ แต่ว่าอีฟยังใช้นามสกุลเดิม

ที่ใช้นามสกุลเดิมเพราะในตระกูลอีฟไม่รู้จักญาติคนไหนอีกแล้วที่ยังใช้นามสกุลนี้ เท่าที่พ่อบอกอีฟคือคนสุดท้าย อีฟรู้สึกว่าพ่อสร้างไว้เยอะเลยอยากเก็บไว้ถ้าทางนี้เขาไม่ว่าอะไร ซึ่งเราก็ได้คุยกันแล้ว ต้องบอกเลยว่าต้นเป็นผู้ชายที่ใจดีมาก จึงได้ตกลงกันว่าอีฟไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุลก็ได้"

หลังจากได้ใช้ชีวตคู่แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

ต้น: "มีความสุขดีครับ"

อีฟ: "ชีวิตคู่มันเป็นแค่ความรู้สึกเฉยๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นสามีภรรยากันนะ จริงๆ ในวันงานทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นแบบนี้นี่เองที่ทุกคนตั้งใจและเต็มใจมาและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพรต่างๆ ที่ได้รับในวันแต่ง ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไป ถ้าถามถึงเรื่องการอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้เราจะก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตอนนี้"

ต้น: "จากเดิมที่เราเคยใช้ชีวิตตัวคนเดียว ทำแต่งาน ต่อจากนี้ไปเราก็ต้องคิดถึงเขา ก่อนหน้านี้เราอาจจะกลับบ้านไม่ตรงเวลาบ้าง แต่หลังจากนี้ก่อนกลับเราก็ต้องโทรหาเขาเพื่อให้เขาสบายใจเพราะเราไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว มันกลายเป็นว่าเราสองคนคือคนๆ เดียวกัน"

คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง?

อีฟ: "แฮปปี้ดีค่ะ ต้นค่อนข้างเหมือนพ่อ เขาเลยเข้ากันได้ดีอยู่แล้ว เหมือนพ่อมีลูกชายใหม่ และมันทำให้เหมือนตอนแรกที่เราเป็นคู่เฉยๆ อีกหน่อยเราจะเป็นครอบครัว เลยทำให้รู้สึกว่าอัพเลเวลขึ้น ซึ่งเป็นอีกขั้นหนึ่งของชีวิตค่ะ"

อาต้อยได้ฝากฝังอะไรเป็นพิเศษไหม?

ต้น: "ดูแลลูกสาวคนเดียวของพ่อให้ดีนะครับ แค่นั้นเองสั้นๆ เลย ผมก็จะดูแลเขาทุกวันให้ดีที่สุด ส่วนตัวผมก็ทำได้แค่สัญญากับคุณพ่อว่าจะดูแลให้ดีที่สุดเหมือนที่แกรักและเป็นห่วง"

อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราคิดว่าเขาเอาชนะใจเราได้?

อีฟ: "ตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆมันมีอะไรมาตั้งแต่แรกๆ แล้ว เริ่มตั้งแต่การเดทครั้งแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน คือก่อนหน้านี้เราไม่เคยเจอกันเลย แต่ไปเดทกันครั้งแรกในวันวาเลนไทน์และทำความรู้จักกันในวันนั้นมากขึ้น รวมเวลาประมาณ 7 ชั่วโมงซึ่งเราไม่รู้ตัวเลยว่ามันผ่านเวลาไป 7 ชั่วโมงแล้ว อันนั้นคือประกายแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เคยรู้จักใครและใช้เวลาอยู่ด้วยนาน 7 ชั่วโมง แสดงว่าเขาต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย ซึ่งมันเริ่มจากตรงนั้น ทำให้เราได้คุยกันมาเรื่อยๆ พอยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่น โตแล้ว และมีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจค่ะ และที่สำคัญก็คือถ้าเขารักเราและกล้าที่จะเลือกเรา เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ"

ต้น: "วันแรกที่ได้เจอเขา เรายังไม่รู้จักกันเลย แต่เขาเป็นคนที่พูดเก่งมาก เรานั่งฟังเขาและตอบได้คำเดียวว่าครับ ผมเป็นคนชอบฟังซะส่วนใหญ่และเป็นคนพูดน้อย พอเจอเขามันทำให้เราลืมเวลาด้วยซ้ำว่าอยู่กันมากี่ชั่วโมงแล้ว ผมประทับใจมากวันนั้นและอีกอย่างเขาเป็นคนที่สวยด้วย ซึ่งผมเป็นคนที่แพ้คนสวยด้วย"

ขอแต่งงานไปเมื่อไหร่?

ต้น: "นับจากวันนั้นก็ประมาณ 6 เดือนได้ ระยะเวลามันไม่ได้สำคัญเพราะหลังจากที่ผมได้รู้จักเขาในทุกๆวันเช้าเย็น  อยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน จนรู้สึกว่าเรามีเวลาเยอะนะสำหรับทุกๆ วันที่เราให้เขา ทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้นทุกวัน และทำให้รู้ว่าคนๆ นี้แหละที่ใช่ จึงตัดสินใจขอเลยแล้วกัน"

อีฟ: "ตอนโดนขอตอนแรกก็ตกใจค่ะ เขาชอบพูดเล่น ชอบแซว บอกว่าเวลาแต่งงานให้บอกเพื่อนๆ อย่ากั้นประตูโหดนะ เพื่อนก็จะบอกว่าอย่าพูดแบบนี้นะเดี๋ยวจะตัดชุดรอเลย มันเลยเป็นเรื่องที่พูดกันเล่นๆอยู่เรื่อยเราไม่คิดว่าเขาตั้งใจจะขอจริงๆ ในเวลาที่รวดเร็วขนาดนั้น แต่ตอนที่ถูกขอจริงๆ เราอึ้งไปนิดหนึ่ง มันเหมือนเรื่องโกหก ตอนโดนขออี๊ฟนิ่งอยู่นานเลยค่ะ จนเขาต้องมาเขย่าถามว่าตกลงจะแต่งหรือไม่แต่ง อี๊ฟก็เลยตอบไปว่าโอเค ณ วินาทีที่เราได้เงียบไป เราก็นึกไม่ออกว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะตอบว่าไม่ เราก็รักกัน และเขาเป็นคนที่พร้อมแล้ว ถ้าเขาพร้อมเราก็ควรที่จะต้องพร้อมค่ะ"

งานแต่งวันนี้แขกทางคุณพ่อค่อนข้างมาเยอะเหมือนกันใช่ไหม?

อีฟ: "จริงๆ ต้องบอกแบบนี้ งานฉลองอีฟอยากจะจัดเล็กๆ ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่พ่อแม่เรามีคนอยากจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วยเยอะที่ลูกได้ขายออกแล้ว รวมถึงตัวเราด้วยเพราะก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่าอีฟคงไม่แต่งงาน แต่พอได้บอกไปว่าเราจะแต่งงานนะ ทุกคนดูดีใจมาก และอยากมาร่วมแสดงความยินดี อีฟเลยคิดว่าถ้าทุกคนตั้งใจจะมา เราก็จะอยากมีพื้นที่มากพอที่จะรับรองทุกคนให้สะดวกสบาย ไม่อยากให้ทุกคนรู่สึกว่ามาแล้วต้องรีบกลับ เพราะไม่รู้จะยืนที่ตรงไหน อีฟเลยต้องเลือกสถานที่ค่อนข้างใหญ่"

ทำไมเลือกธีมแกสบี้?

อีฟ: "อันนี้เป็นสิ่งที่คิดตรงกัน ว่าค่อนข้างชอบอะไรที่เป็นวินเทจ อีฟเป็นผู้หญิงหุ่นคนยุคเก่า ใส่เสื้อผ้าร่วมสมัยไม่สวยเลยอยากใส่เสื้อผ้าที่อยู่ในธีมแบบนี้เพราะแม่เราใส่สวย เราก็คงจะใส่สวยใช่ไหม มีแม่เป็นแบบค่ะ"

วางแผนชีวิตในการทำงานจากนี้ยังไงบ้าง?

อีฟ: "เลี้ยงไหวมั้ย (หันไปถามต้น)"

ต้น: "ไหว แต่เราอยากให้เขาทำในสิ่งที่เขารัก ในเมื่อเขาโตมากับวงการนี้ ผมจึงคิดว่าปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่รักดีกว่า แต่เขาอยากธุรกิจผมก็มาได้ตลอดครับ"

ถ้าเขาต้องรับงานเซ็กซี่เราเป็นห่วงไหม?

ต้น: "สำหรับตัวผมแล้วเรื่องเซ็กซี่ผมเป็นคนค่อนข้างหวงนะครับแต่เขาก็โตแล้วจะรู้ลิมิตตัวเองอยู่แล้ว"

อีฟ: "เขาจะชอบพูดว่าถ้ามีลูกแล้วไม่อายลูกหรอ เขาจะมีวิธีพูดดักเราเอง จริงๆ แล้วถ้าพูดกันตามตรง อีฟได้ใช้ชีวิตในแบบที่อีฟต้องการและเป็นตัวของตัวเองมาเยอะมากแล้ว เลยรู้สึกว่าถ้าเราจะโตขึ้น เราต้องมีความพร้อมที่จะเป็นภรรยาและเป็นแม่บ้านให้มากขึ้นค่ะ"

ฝ่ายหญิงจะย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายเลยไหม?

ต้น: "ผมเป็นฝ่ายย้ายเข้าบ้านเขาครับ ด้วยความที่พ่อแม่ของอีฟอายุมากพอสมควรแล้ว และผมเป็นคนที่ชอบดูแลผู้หลักผู้ใหญ่อยู่แล้วด้วย เลยไม่เสียหายอะไรถ้าผมจะย้ายเข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระ ช่วยดูแลผู้ใหญ่"

อีฟ: "ที่เขายอมย้ายเข้าบ้าน เป็นสิ่งที่อีฟตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าอีฟได้แต่งงาน อีฟจะไม่ออกจากบ้าน ผู้ชายอาจจะต้องเสียสละนิดหนึ่ง เพราะบ้านอีฟมีแค่พ่อแม่และอีฟเท่านั้น และอีกอย่างแม่อีฟเคยป่วยมาแล้ว เรามีประสบการณ์ตรงนี้และโชคดีที่ครอบครัวทางเขาก็เข้าใจ ทุกอย่างมันลงล็อค"

แพลนจะมีน้องเลยไหม?

อีฟ: "ตั้งใจไว้ว่าจะไม่คุม ปล่อยตามธรรมชาติ หลายคนทักว่าอายุเราไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะไม่ปรึกษาหมอหน่อยหรอ แต่ใจเราได้คุยกันแล้วว่าอยากลองธรรมชาติไปก่อนสักปีหนึ่งค่อยว่ากัน"

ต้น: "จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้หมดครับ ถ้าถามว่าอยากได้จริงๆ อยากได้ลูกผู้ชายครับเพราะผมเป็นลูกคนจีนด้วย"

จะนำหลักการครองเรือนของอาต้อย-อาเปี๊ยก มาปรับใช้กับคู่เรายังไง?

ต้น: "พ่อสอนสั้นมาก สอนให้เป็นคนดี เข้าใจและรักครอบครัวให้มากแค่นั้นเอง ส่วนผมแล้วไม่ได้ชมตัวเองนะ ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนดีคนหนึ่งที่จะดูแลผู้หญิงคนนี้ได้ ในเมื่อเรารักเขา เราก็ต้องทำให้เขาได้ทุกอย่าง"

อีฟ: "เหมือนกันค่ะ แต่อีกอย่างเราต้องหาจุดกึ่งกลางให้กันและกัน ต้นเป็นผู้ชายที่ทำงานหนักเหมือนกัน ส่วนอีฟเองทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ทั้งงาน อีฟก็เต็มที่มาแล้วเหมือนกัน เลยคิดว่าต้องจูนกัน ถ้อยถีถ้อยอาศัยกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคู่ของครอบครัวที่ประสบความสำเร็จค่ะเพราะพ่อแม่อีฟก็อยู่ด้วยกันแค่นี้เลย ความรักเป็นตัวก่อเกิดอย่าให้อย่างอื่นมากระทบความรักเรา ต้องสร้างภูมิความรักของเราด้วยความเข้าใจกัน ยอมลด ยอมวาง และให้พื้นที่กันและกันบ้าง สิ่งเหล่านี้เรามีพ่อแม่เป็นตัวอย่าง ยิ่งเราได้อยู่ด้วยกัน เราจะได้ดูเป็นแนวทางและแก่ไปด้วยกันแบบเขาค่ะ"

วางแพลนไปฮันนีมูนที่ไหน?

อีฟ: "อาจจะผลักภาระไปให้เจ้าบ่าวค่ะ เพราะงานแต่งเจ้าสาวเป็นคนดูแลหมดแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเรายุ่งจริงๆ เราหยุดงานเพื่อเตรียมงานแต่งมาหลายเดือน เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องฮันนีมูน และด้วยความที่ไม่ได้ทำงานมานานเลยอยากขอไปทำงานก่อนค่ะ เพราะมีงานที่ต้องสะสางอีกเยอะเลย"

มีคนแซวว่าอีฟได้แฟนเด็กตามเพลงที่ตัวเองร้อง?

อีฟ: "ใช่ นี่แหละหนุ่มน้อย โดนหลอกมา"

ต้น: "ยอมให้หลอกมากกว่ามั้ง อายุเป็นแค่ตัวเลขจริงๆ ครับ"

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ อีฟ-ต้น แถลงชื่นมื่น สัญญาใช้ชีวิตรักให้เหมือนพ่อกับแม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook