พระครูปลัดชกพระอายุ 72 มรณภาพ ลั่นไม่ยอมสึก ทำเพื่อป้องกันตัว

พระครูปลัดชกพระอายุ 72 มรณภาพ ลั่นไม่ยอมสึก ทำเพื่อป้องกันตัว

พระครูปลัดชกพระอายุ 72 มรณภาพ ลั่นไม่ยอมสึก ทำเพื่อป้องกันตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มี.ค. 60  ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี  พ.ต.อ.สมโชค ตาผล    ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี และ พ.ต.ท.ชินวัชร์ ธิศาลา พนักงานสอบสวน ได้นิมนต์ พระครูปลัดไพบูลย์ อายุ 51 ปี พระลูกวัด ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย รวมทั้งนายเสาวรัตน์ หาดแก้ว อายุ 48 ปี พนักงานเทศบาลเมืองบ้านสวน ซึ่งมีส่วนร่วมกันเป็นเหตุทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตายเช่นกัน

โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา พระวรพจน์ อายุ 72 ปี และนายพัลลภ ลูกศิษย์ กำลังเก็บสิ่งของภายในกุฎิเนื่องจากจะมีการซ่อมแซม  ต่อมาพระครูปลัดไพบูลย์ ได้พานายเสาวรัตน์  พนักงานเทศบาลเมืองบ้านสวน มาขนย้ายสิ่งของต่างๆ  ปรากฏว่าพระครูปลัดไพบูลย์ ได้ใช้ให้นายเสาวรัตน์นำจีวรไปทิ้งที่รถเก็บขยะ สร้างความไม่พอใจกับพระวรพจน์จึงได้วิ่งตามไปเอาคืน และได้ทะเลาะกับพระครูปลัดไพบูลย์ จึงถูกชกเข้าบริเวณใบหน้า 3 ครั้งล้มทั้งยืน และยังใช้เท้าเตะไปที่ปลายคาง นายพัลลภจึงได้พากลับมายังกุฎิ  

เมื่อพระวรพจน์รู้สึกตัว เห็นนายเสาวรัตน์กำลังรื้อข้าวของภายในกุฎิ พระวรพจน์เห็นเข้าจึงได้ต่อว่าและเอาไม้ไปไล่ตี จึงถูกนายเสาวรัตน์ชกเข้าไปบริเวณคอหอย หลังจากนั้นเดินไปได้ 4-5 ก้าวก็ล้มลงมีอาการชักกระตุกและหมดสติ  จึงได้หามส่งโรงพยาบาลชลบุรี เพื่อรักษาตัว และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา   พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมทั้งพระครูปลัดไพบูลย์ และนายเสาวรัตน์ ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธ พร้อมทั้งหาหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป

พระครูปลัดไพบูลย์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุจะทำการซ่อมแซมกุฎิ เพราะขยะมากมาย 3-4 รถบรรทุก 6 ล้อ ช่วงนั้นได้มีการรื้อจีวร ทำให้พระวรพจน์ไม่พอใจและต่อยมาก่อนจึงได้ป้องกันตัว เมื่อต่อยไปแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นพระวรพจน์ได้เอาไม้ไปตีพนักงานเทศบาลอีก จึงถูกต่อยซ้ำ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ถ้าจะให้สึกนั้นไม่ยอม เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ที่สำคัญพระผู้ใหญ่หลายองค์ที่มีปัญหาถูกฟ้องร้องยังไม่มีการจับสึกเลย

ทางด้านนายเสาวรัตน์ พนักงานเทศบาลเมืองบ้านสวนกล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนถูกด้ามจอบตีศีรษะมึนไปหมด เห็นแต่หน้าลูกสาว เพื่อให้พ้นจากการทำร้ายกลับไปหาลูกสาว จึงได้เหวี่ยงหมัดไปมั่วๆเท่านั้น  หลังจากนั้นก็ไม่สนใจอีก แล้วก็มีพระมาห้าม หลังจากนั้นพระวรพจน์ได้ล้มลงไป

ในขณะที่โรงพยาบาลชลบุรี  น.ส.นพเก้า อายุ 77 ปี พี่สาวของพระวรพจน์ ได้เดินทางมารับศพกล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุ พระน้องชายก็ไม่ได้สติขณะเข้ารับการรักษาตัว คาดว่าอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองมีแต่เพียงลมหายใจเท่านั้น ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ โดยแพทย์ได้ให้ออกซิเจนจนกระทั่งมรณภาพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook