เรืองไกรยื่นสรรพากรสอบภาษีประวิตรยึดกม.เดียวกันหุ้นชิน

เรืองไกรยื่นสรรพากรสอบภาษีประวิตรยึดกม.เดียวกันหุ้นชิน

เรืองไกรยื่นสรรพากรสอบภาษีประวิตรยึดกม.เดียวกันหุ้นชิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย 'เรืองไกร' ยื่นหนังสือกรมสรรพากรเรียกสอบภาษี 'พล.อ.ประวิตร' ชี้ต้องทำมาตรฐานเดียวกับหุ้นชินฯ ด้าน ''ประวิตร'' ยินดีสรรพากรตรวจสอบภาษีเช็ค 1 ลบ.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อกรมสรรพากรในกรณีให้มีการตรวจสอบการเสียภาษีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากกรณีที่ได้ยื่นรายการบัญชีทรัพย์สินเป็นเช็คจำนวน 1 ล้านบาท ต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วันที่ 22 ธันวาคม 2551 ว่ามีการนำเช็คดังกล่าวไปถือเป็นเงินได้พึงประเมินผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาอย่างถูกต้องหรือไม่ 

พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หากกรมสรรพากร ดำเนินการตามมาตรา 19 ของประมวลรัษฎากร ที่ระบุกรณีที่ผู้ยื่นแบบเสียภาษีแต่เสียภาษีไม่ครบ กรมสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษีในระยะเวลา 10 ปี แต่ต้องออกหมายเรียกภายใน 5 ปี หากไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ก็จะไม่มีอำนาจการประเมินภาษีได้ ดังนั้นหากมีการเรียกเก็บภาษีในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปด้วยวิธีใด ก็ต้องเรียกเก็บภาษีต่อกรณีของ พล.อ.ประวิตร ด้วย เพราะหากว่าตามข้อของกฎหมายทั้ง 2 กรณีถือว่าทางกรมสรรพากรไม่มีอำนาจในการเรียกประเมินภาษี


'ประวิตร'ยินดีสรรพากรตรวจสอบภาษีเช็ค1ลบ.

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อกรมสรรพากรให้ตรวจสอบ กรณี การเสียภาษีจากเช็ค 1 ล้านบาท ของตนเองนั้น ขอให้เป็นไปตามกระบวนกฏหมาย โดยย้ำว่า ตนเองปฏิบัติตามกฏหมายอยู่แล้ว หากผิดก็ต้องว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2551 และส่วนตัวไม่คิดที่จะฟ้องร้องกลับ

ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. จะตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือนั้น พลเอกประวิตร ระบุว่า ยินดีให้ตรวจสอบเพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และยืนยันทำด้วยความโปร่งใส

สำหรับกระแสข่าวว่า สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศบางส่วน เตรียมเสนอเรื่องขุดคอคอดกระ ที่จังหวัดระนองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า ที่รัฐบาลได้ยกเลิกไปแล้ว และไม่มีนโยบายที่จะดำเนินการดังกล่าวอีก ส่วนกลุ่มใดจะออกมาเคลื่อนไหวนั้นก็ปล่อยให้เคลื่อนไหวไป



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook