นายกฯยันภาษีหุ้นชินวัตรยึดกม.-ปัดรังแกนักการเมือง

นายกฯยันภาษีหุ้นชินวัตรยึดกม.-ปัดรังแกนักการเมือง

นายกฯยันภาษีหุ้นชินวัตรยึดกม.-ปัดรังแกนักการเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ยัน ปมภาษีหุ้นชินวัตร ยึดกฏหมาย ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ย้ำต้องทำตามหน้าที่ หากไม่ทำก็จะผิด ม.157 ปัดรังแกนักการเมือง พร้อมระบุ รอผลสอบจับอาวุธเครือข่าย 'โกตี๋' - ยินดี ให้ สตง.สอบซื้อเรือดำน้ำยัน จำเป็น มีงบน้อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ระบุการขยายเวลาการออกหมายเรียก ไม่สามารถทำได้ จะส่งผลต่อการเรียกเก็บภาษี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก ปี 2549 หรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเดิม และเรื่องใหม่ที่เป็นคนละกรณีกัน จึงขออย่านำประเด็นเก่ามาพันกับอันใหม่ ซึ่งจะถูกและทำได้หรือไม่นั้น ต้องเป็นไปตามกระบวนยุติธรรม โดยส่วนตัวให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว แต่ขอให้นึกถึงรัฐบาล บางอย่างหากชัดเจนแต่ไม่สามารถทำได้ก็ทำไม่ได้ แต่หากไม่ชัดเจนและยังคลุมเคลือ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการไว้ก่อน ก็ต้องไปต่อสู้คดีเอา หากทำได้แล้วไม่ทำรัฐบาลก็จะโดนมาตรา 157 ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องคำนึงถึง ดังนั้นการไม่ปฏิบัติอะไรต่างๆก็ตาม มีความเสี่ยงต่อกฏหมายทุกประการ ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ระมัดระวังอย่างเต็มที่

ส่วนการตรวจสอบภาษีนักการเมืองในอดีตและปัจจุบันที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ก็ถูกตรวจสอบอยู่แล้ว โดยรัฐบาลนี้ก็ถูกตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งมีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินก่อนเข้ามาทำหน้าที่ รวมถึงออกจากการเป็นรัฐบาลก็ต้องแจ้ง หลังจากนั้นอีก 2 ปีก็ต้องแจ้งเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นระเบียบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ถูกตรวจสอบ แต่จะตรวจสอบผู้ที่มีรายได้ไม่ปกติ ซึ่งมีอำนาจในการดำเนินการได้อีกภายใน 5 ปีที่จะตรวจสอบใครก็ได้ อย่าหาว่าจะเป็นการรังแกใครหรือเหมารวมใครทั้งหมด เพราะเชื่อว่าสามารถแยกแยะได้ 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เตรียมตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนว่า อาจเป็นการแถมให้ ซื้อ 2 ลำให้ 3 ลำ ประหยัดกว่า แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจ เหตุผลและความจำเป็น เพราะผลิตเองไม่ได้ และไม่มีงบประมาณมากพอที่จะไปซื้อของแพง จึงต้องดูในส่วนที่ถูกกว่าว่าสินค้าพอรับได้หรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม วันนี้กองทัพไทยก็ซื้อของแบบนี้ เนื่องจากมีงบประมาณน้อย เปิดในเว็บไซต์มีขายทุกอย่างทุกยี่ห้อ ปลอดภัยเหมือนกัน อาจจะเป็นของประเทศที่มีชื่อเสียง ปลอดภัยกว่า ก็ต้องดูหลายๆอย่าง แต่อันนี้ราคาถูกที่สุด และคุณภาพใช้ได้ มีการบริการระบบอาวุธ การซ่อม สนับสนุนการก่อสร้างโรงเก็บเรือ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแบบจีทูจีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีให้ สตง. ตรวจสอบ ซึ่งได้มีการตรวจสอบการซื้ออาวุธของกองทัพมาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีการตรวจค้นจับกุมอาวุธสงคราม-ยุทธภัณฑ์ทหารกลุ่มเครือข่าย นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว ทั้งนี้ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีการประสานความร่วมมือและความสัมพันธ์ระดับรัฐบาล และความร่วมมือระดับฝ่ายความมั่นคงอยู่แล้ว ซึ่งมีความร่วมมือที่ดีกันมาตลอด ส่วนจะได้ตัวกลับมาดำเนินคดีหรือไม่นั้นก็ต้องใช้เวลาในการติดตามตัว

ส่วนกรณีมีข่าวการลอบสังหารแล้ว จะต้องระวังตัวมากขึ้นหรือไม่ว่า ส่วนตัวระมัดระวังตัวเป็นปกติอยู่แล้ว จะมีข่าวการลอบสังหารหรือไม่ ก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว 

โดยส่วนตัวมีความเป็นห่วงในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เรื่องการลอบทำร้ายผู้นำ รวมถึงการจับอาวุธสงคราม ที่ต้องให้มีการตรวจสอบจับกุมตามขั้นตอน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน และขณะนี้กำลังแก้ปัญหาเศรษฐกิจอยู่ โดยไทยต้องทำตามกฎหมายและพันธสัญญาให้มากที่สุด ใช้มาตรา 44 เท่าที่จำเป็น เพราะหลายอย่างมีความขัดแย้งสูง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่มีข้อเสนอให้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้อูเบอร์ถูกกฎหมายว่า ไม่เคยคิดใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในกรณีนี้ แต่เรื่องดังกล่าวจะต้องพิจารณาว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่หลายคนบอกว่าแท็กซี่เก่าไม่ดีนัก มีแท็กซี่ใหม่น่าจะดีกว่า ซึ่งหากคิดแบบนี้ก็ดำเนินการต่อไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย หรือหากใครบอกว่าไม่มีกฎหมายก็สามารถทำได้แล้ว มันจะกระทบใครหรือไม่ แต่ถ้าปล่อยให้ดำเนินการทั้ง 2 ฝ่ายก็จะตีกันระหว่างแท็กซี่และอูเบอร์ 

ทั้งนี้ ส่วนตัวได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมหาทางออกเรื่องนี้ แต่ขณะนี้มีกฎหมายกรณีการรับส่งคน 
โดยมีค่าตอบแทนก็มีกฎหมายควบคุมอยู่ จึงมีการร้องเรียนว่าอูเบอร์นั้นผิดกฎหมายตรงนี้ แต่อาจเป็นทางเลือกที่ดี จึงต้องหากฎหมายที่เหมาะสมและไม่สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา หรือกระทบแท็กซี่เก่า จึงต้องพัฒนาไปควบคู่กันทั้งของเก่าและของใหม่ และต้องคุ้มครองคนถูกกฎหมายด้วย


นายกฯสั่งสอบปม"ลาหู่"เบื้องต้นปัดคิดวิสามัญ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐฒนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี ทหารวิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมการกลุ่มชาติพันธุ์ชาว "ลาหู่" ว่า วันนี้ได้สั่งตรวจสอบในขั้นต้นแล้วว่าสาเหตุมากจากอะไร โดยเบื้องต้นเท่าที่ทราบเป็นเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ได้ติดตามเรื่องของยาเสพติด ปรากฎว่านายชัยภูมิ ได้นั่งอยู่บนรถคันดังกล่าวด้วย จากนั้นได้มีการตรวจค้น และพบยาเสพติดในรถ ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่านายชัยภูมิ ที่นั่งในรถด้วยมีความเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งช่วงเวลานั้นนายชัยภูมิ ได้วิ่งหนีออกจากรถ และเจ้าหน้าที่ให้การว่ามีการขว้างระเบิด จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธ ซึ่งส่วนตัวจะสั่งการให้มีการตรวจสอบต่อไป แต่หากมองว่านายชัยภูมิ เป็นนักกิจกรรมชาติพันธุ์ จึงต้องถูกวิสามัญนั้น ไม่สามารถคิดแบบนี้ได้ เพราะรัฐบาลไม่เคยคิดแบบนี้ 

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวต้องให้เกิดความชัดเจน ว่ากันด้วยพยานหลักฐาน และไม่อยากให้พูดกันไปมา  เพราะจะทำให้เสียรูปคดี จึงขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานไปก่อน



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook