เข้มสถานทูตอังกฤษหลังก่อการร้าย-ผบ.ตร.สั่งดูจุดล่อแหลม

สถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย เปิดให้บริการปกติ ขณะที่ ตร.จัดสายตรวจดูแลความเรียบร้อย ด้าน ผบ.ตร. สั่งทุกหน่วยเฝ้าระวัง เหตุก่อการร้ายในอังกฤษ ยันไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ไม่ประมาทติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

บรรยากาศบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูต อังกฤษ ประจำประเทศไทย ถนนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ 
ภายหลังเกิดเหตุก่อการร้ายบริเวณอาคารรัฐสภากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย สถานการณ์โดยทั่วไปในเช้าวันนี้ยังคงเป็นไปตามปกติ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ซึ่งพบว่ามีทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาติดต่อทำธุระตามปกติ 

ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัยของทางสถานทูต ยังคงมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ.ประจำการทั้งด้านหน้าประตูและด้านใน โดยอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูต หรือรถที่ได้รับการอนุญาตผ่านเข้า-ออก เท่านั้น ขณะที่ ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้จัดรถสายตรวจมาคอยดูแลสอดส่องเป็นระยะ และจอดประจำการอยู่บริเวณด้านหน้าประตู 1 คัน เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวที่มาสถานทูต โดยเหตุการณ์ทั่วไปยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.พรชัย ไทยแท้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะลงพื้นที่มาตรวจดูแลความเรียบร้อยด้วย

ผบ.ตร.จับตาก่อการร้ายอังกฤษยันไทยไม่พบผิดปกติ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วย ทั้งตำรวจสันติบาล ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เฝ้าติดตามสถานการณ์ก่อการร้ายหลายจุดในประเทศอังกฤษอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และจุดล่อแหลมต่าง ๆ โดยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากได้รับการร้องขอกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ยืนยันว่า ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศคู่ขัดแย้ง และการข่าวในขณะนี้ไม่พบความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการก่อเหตุความรุนแรง หรือก่อการร้ายในประเทศไทย พร้อมฝากเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปทวีปยุโรป โดยเฉพาะ ประเทศอังกฤษ ในระยะนี้ ขอให้ตรวจสอบข่าวสารอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มองว่า การก่อการร้ายที่พบในเหตุการณ์ดังกล่าว อาจเป็นก่อการร้ายรูปแบบใหม่ จากเดิมที่เป็นการใช้ระเบิด หรือความรุนแรงชนิดอื่นๆ ในการสร้างความวุ่นวาย แต่ปรับเปลี่ยนลักษณะการก่อเหตุ โดยใช้บุคคลเพียงไม่กี่คน เข้าโจมตีในแต่ละสถานที่ เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวาย 

ขณะเดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง ก็ไม่ได้ประมาท มีการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจึงขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล