อภิสิทธิ์เชื่อรบ.มีทางออกปมเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป

อภิสิทธิ์เชื่อรบ.มีทางออกปมเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป

อภิสิทธิ์เชื่อรบ.มีทางออกปมเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อ รัฐบาลมีทางออก ปมเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป ชี้ หากวืด ต้องมีคนรับผิด เชื่อจับอาวุธสงครามไม่ประทบปรองดอง ขณะ มองก่อการร้ายอังกฤษทำสะเทือนขวัญ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปโดยเข้าใจว่า รัฐบาลคงมีทางออก ซึ่งกรมสรรพากรก็จะต้องดำเนินการตามข้อสรุปของรัฐบาล ส่วนกรณีที่กรมสรรพากรและรัฐบาลยังมีการตีความทางกฎหมายที่แตกต่างกันนั้น ในความเห็นของตน มองว่า หากไม่สามารถดำเนินการเรียกเก็บภาษีได้ ก็ต้องพิจารณาว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ และต้องตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการออกหมายเรียกเก็บภาษี ที่ต้องออกภายใน 5 ปี การบิดเบือนประเด็นคำวินิจฉัย ที่ออกเมื่อปี 2554 โดยคำวินิจฉัยดังกล่าว มีความชัดเจนแล้วว่า ให้ไปเรียกเก็บภาษีจากเจ้าของหุ้นที่แท้จริงที่ได้รับประโยชน์จากการได้รับหุ้นมาในราคาที่ต่ำกว่าตลาด แต่พอมาถึงปี 2555 ก็ไปพูดกันว่า เป็นเรื่องของการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน สำหรับคนที่เห็นว่า ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถไปฟ้องร้องกับศาลได้

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการจับอาวุธสงครามในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะกระทบกับการสร้างความปรองดองหรือไม่ โดยเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษ ซึ่งไม่สามารถนำเรื่องการสร้างความปรองดองมากล่าวอ้างไม่ให้คนทำผิดต้องรับผิดได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่า การปราบปรามไม่ให้นำอาวุธสงครามมาใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง จะเป็นหลักประกันที่ดีว่าในอนาคต ปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่ลุกลามบานปลายเหมือนในอดีต จากบทเรียนที่ผ่านมาพบว่า เมื่อมีอาวุธสงครามมาเกี่ยวข้องจะทำให้การจัดการปัญหายากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องจัดการปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้ห้ามความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่การแสดงออกทางความคิดต้องอยู่บนหลักที่เคารพสิทธิของผู้อื่น กระทำโดยสงบปราศจากอาวุธ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีเหตุก่อการร้ายที่ประเทศอังกฤษเมื่อวานนี้ว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญ เหตุร้ายครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในรอบหลายปี ซึ่งในปัจจุบันลักษณะการก่อการร้ายก็จะเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ มีการใช้ยานพาหนะก่อเหตุซึ่งในการก่อเหตุ ผู้ที่ก่อเหตุมุ่งเป้าสำคัญทางการเมืองและแหล่งชุมชน เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง พื้นที่สำคัญจึงเป็นเป้าหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยนับว่าโชคดีที่ว่าเหตุครั้งนี้ผู้ที่ก่อเหตุไม่มีอาวุธที่จะสร้างความสุญเสียไปมากกว่านี้ ซึ่งทุกประเทศ ทุกรัฐบาล ต้องมีความตื่นตัวเพื่อระมัดระวังภัยจากการก่อการร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกประเทศ


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook