นายกฯลุยขับเคลื่อนปยป.ขออย่าบิดเบือนไม่อ้างแต่ปชต.

นายกฯลุยขับเคลื่อนปยป.ขออย่าบิดเบือนไม่อ้างแต่ปชต.

นายกฯลุยขับเคลื่อนปยป.ขออย่าบิดเบือนไม่อ้างแต่ปชต.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ขออย่าบิดเบือนหวังผลการเมืองไม่อ้างแต่ประชาธิปไตย ลุยเดินหน้าขับเคลื่อน ป.ย.ป. ยันรัฐบาล คสช. ทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมเร่งแก้ปัญหาทุจริต ไม่ออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ทางสถานีโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การคว้าตำแหน่งแชมป์มวยโลก WBC รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวตของ “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” ซึ่งก็เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศ และสร้างความสุขให้กับคนไทย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอแสดงความยินดี และยกย่องในความมุ่งมั่น ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว จนสามารถเอาชนะอดีตแชมป์โลกได้ในที่สุดสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้นั้น คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคงต้องอาศัยความมุมานะฝึกฝนอย่างหนัก ซึ่งสำคัญที่สุดก็ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน จึงอยากให้เยาวชนไทยดู ศรีสะเกษ เป็นแบบอย่าง แต่สิ่งที่ยากและสำคัญกว่านั้น คือการใช้สติ มีวินัย เพื่อการรักษาแชมป์อยู่ในตำแหน่งอย่างสมศักดิ์ศรี โดยคนไทยทุกคน ก็ต้องเป็นกำลังใจให้ทุกนักกีฬาของเราที่ไปแข่งขันที่ต่างประเทศด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วันนี้เราต้องแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืนแล้วข้อสำคัญคือต้องได้รับความยินยอมจากชุมชนเมือง รวมถึงประชาชนด้วย เพราะไม่ต้องการใช้อำนาจที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มากเกินไป โดยรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาทั้งหมดในเชิงปฏิรูป ในเชิงโครงสร้าง ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่อยากให้มีแรงต่อต้าน ทำให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อน กระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ ซึ่งขอประชาชนอย่าทำการบิดเบือน และยอมรับความรู้ที่ตกผลึก ตกลงใจร่วมกัน ที่จะเดินหน้าประเทศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายคนอ้างว่าประชาธิปไตยต้องเป็นแบบนี้ๆ ส่วนตัวตั้งคำถามว่า ประชาธิปไตยที่คนไม่พร้อม จะทำอย่างไร ซึ่งปกติแล้ว จะต้องเตรียมคน วิธีการ ประสิทธิภาพให้พร้อม จึงจะเป็นประชาธิปไตยอย่างที่ว่าโดยสมบูรณ์ กฎที่เหมือนนานาประเทศอารยะประเทศ ที่ได้ทำไปแล้ว แต่หากยังเป็นเช่นนี้ ก็จะเป็นอันตรายต่อการพัฒนาประเทศ 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า รัฐบาล และ คสช. เข้ามาในวันนี้เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดการบูรณาการ ประสานสอดคล้องโดยการตั้ง ป.ย.ป. คณะกรรมการเชิงยุทธศาสตร์  PMDU มาขับเคลื่อน รวมถึงมีมาตรา 44 มาแก้ปัญหาให้อย่างรวดเร็ว และต้องทำให้ได้ตามแผนด้วย ซึ่งรัฐบาล และ คสช. คิดและทำให้คนจำนวนมาก ก็เพื่อประชาชนทั้งประเทศไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เลือกพื้นที่ ไม่เลือกจังหวัด เนื่องจากหากทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ ก็จะไม่เกิดความยั่งยืน เพราะประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอร้องประชาชนช่วยกันตั้งความหวังแบบตน ว่าจะต้องมีประเทศไทยที่มั่งคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมร่วมกัน โดยการทำให้ทุกอย่างให้เป็นไปอย่างถูกกฎหมาย ถูกต้อง แข่งขันเสรี มีการจัดซื้อ
จัดจ้างที่โปร่งใส และก็ไม่ให้เกิดการพัวพันไปถึงเรื่องการทุจริต ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ก็เป็นปัญหาของประเทศ มาเป็นระยะเวลายาวนานรัฐบาลจึงได้กำหนดให้เป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อมุ่งมั่นแก้ไขให้ได้ในเร็ว ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายและการป้องกันสังคมให้ปราศจากคอร์รัปชั่นนั้น ส่วนตัวมองว่า ต้องไม่ปล่อยให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานตรวจสอบต่างๆ องค์กรอิสระเท่านั้นต้องเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคนที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และยืนยันไม่ได้ออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงอย่าไปบิดเบือนเรื่องเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่อำนวยความสะดวก ทางด้านกฎหมาย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน กฎกติกาต่างๆ พร้อมระบุว่า รัฐบาลต้องสร้างบรรยากาศ ภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์อันดี มีผลต่อความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความมั่นคง ในการค้าการลงทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ต้องขอความร่วมมือจาก NGO ทั้งที่หวังดี หรืออาจจะไม่เข้าใจ ให้ช่วยกันดูในเรื่องการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งต้องให้สมดุลกับการรักษาทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาขยะ ซึ่งได้ประกาศให้เป็น “วาระแห่งชาติ” โดยบูรณาการ 5 กระทรวงที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนนโยบาย 4 ข้อ คือ การเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำขยะมาเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิง แล้วนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม หรือผลิตไฟฟ้า  ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งในปีนี้ การบริหารจัดการขยะ จะต้องมีความก้าวหน้าให้ได้มากที่สุด 

นโยบายที่สอง คือ “การส่งเสริมบัญชีนวัตกรรมไทย” โดยได้เชื่อมโยงระหว่างผลงานวิจัย ที่ สกว. และ กระทรวงพลังงาน ได้สนับสนุนการพัฒนาต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี ให้มีการขึ้นทะเบียนเป็นนวัตกรรมไทย เพื่อนำมาผลิตสู่เชิงพาณิชย์ อย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน  ส่วนนโยบายที่สาม คือ “กลไกประชารัฐ” ที่ภาควิชาการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ภาครัฐ สนับสนุนงบประมาณ และชุมชนท้องถิ่น นำไปสร้างระบบเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์  และ SCG ลงนาม MOU รับซื้อระบบกำจัดขยะนี้ทั้งหมดที่ผลิตได้โดยนวัตกรรมไทย และ นโยบายที่สี่ก็คือ Thailand 4.0  ซึ่งเป็นการนำเอานวัตกรรมมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน พร้อมกับดูแลสิ่งแวดล้อม  

ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ ครม. ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการ เพราะเป็นหนึ่งในหลายเรื่อง ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นตามยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันทางสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมในการถือครองที่ดิน และเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศ อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้มอบนโยบายไปแล้ว ว่าการจัดเก็บภาษีต้องสร้างความเป็นธรรมสร้างความเท่าเทียม ไม่เป็นภาระกับประชาชนส่วนใหญ่ หรือประชาชนผู้มีรายได้น้อยของประเทศ ในทางกลับกันประชาชนเหล่านี้จะต้องได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ เช่น ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกิน หรือมีสวัสดิการที่ดีขึ้น เพราะรัฐมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ก็จะลงทุนในอนาคตได้มากขึ้น

สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ก็อยากจะให้ช่วยกันเสียสละ มองเห็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล วันนี้เสียภาษี อาจจะเสียมากขึ้น วันหน้าราคาที่ดินก็สูงขึ้นเอง


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook