กำนันดังเมืองราชบุรี ซิ่งเก๋งชนท้ายรถบรรทุก ดับคาที่ 2 ศพ

กำนันดังเมืองราชบุรี ซิ่งเก๋งชนท้ายรถบรรทุก ดับคาที่ 2 ศพ

กำนันดังเมืองราชบุรี ซิ่งเก๋งชนท้ายรถบรรทุก ดับคาที่ 2 ศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กำนันคนดัง ตำบลห้วยไผ่ จังหวัดราชบุรีซิ่งรถเก๋งชนท้ายรถบรรทุก รถอัดก๊อบปี้เสียชีวิตทันทีพร้อมอดีตผู้ใหญ่บ้านที่นั่งมาด้วยกันเป็น 2 ศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกเวลา 23.55 น. (26 มี.ค.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เก๋งชนท้ายบรรทุก มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในซากรถ 2 ราย ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง SUV ยี่ห้อฟอร์ด เอเวอร์เรส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ก-1935 ราชบุรี

สภาพรถพังทั้งคัน เครื่องยนต์กระเด็นออกมาอยู่ด้านนอก ส่วนถุงลมนิรภัยรถแตกทั้งหมด ภายในซากรถพบผู้เสียชีวิตติดอยู่ 2 ราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี นำอุปกรณ์ตัดถ่างช่วยกันงัดรถและนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา

ทราบชื่อ คือ นายวิเชียร แคล้วคำพุฒิ อายุ 60 ปี เป็นกำนันดังตำบลห้วยไผ่ และ นายหล่อ จันทร์แฉล้ม อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.ห้วยไผ่ อ.เมืองราชบุรี สภาพศพถูกอัดก๊อปปี๊อยู่กับรถ

ห่างออกไปเล็กน้อย พบรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 80-5590 หนองบัวลำภู บรรทุกมะม่วงมาเต็มคันรถ จอดอยู่ด้านท้ายรถมีร่องรอยถูกชนจนยุบเข้าไป โดยมีนายชาลี อายุ 45 ปี เป็นคนขับรถยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถาม นายชาลี อายุ 45 ปี คนขับรถ 6 ล้อ ให้การว่า ตนเองกำลังจะนำมะม่วงเข้าไปส่งในโรงงานใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าซอย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นที่ท้ายรถ จึงจอดรถแล้วรีบลงไปดูก็พบว่ามีเก๋งมาชนท้าย และมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายใน 2 ราย จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน นายณัฐพล เจ้าของคลิปภาพดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดฝนตกหนัก ทำให้ถนนลื่นตนกำลังเดินทางกลับบ้าน จากการไปขายของที่ตลาดในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี เห็นมีรถประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุก และมีผู้เสียชีวิตจึงได้รีบแจ้งหมายเลข 1669

ทั้งนี้ สันนิษฐานว่านายวิเชียร ผู้ตายซึ่งเป็นคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว มาพร้อมอดีตผู้ใหญ่บ้านที่นั่งมาด้วยกัน ได้ขับตามหลังรถบรรทุกมาด้วยความเร็วประกอบกับถนนลื่นเนื่องจากเกิดฝนตก และเห็นรถบรรทุกจะเลี้ยวเข้าซอยกะทันหัน จึงเบรกรถไม่อยู่ ทำให้พุ่งชนท้ายอย่างจังจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตถึง 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook