ทัพภาค2แจงปมตั้งบ่อนตรงข้ามด่านช่องสายตะกู

กองทัพภาคที่ 2 ยืนยัน ที่ตั้งบ่อนกาสิโนที่อยู่ตรงข้ามกับด่านช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ เป็นของกัมพูชา

พลตรีสุทิน เบญจวิไลกุล โฆษกศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจง กรณีที่ นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบในกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการปล่อยให้กัมพูชา เข้ามาสร้างบ่อนคาสิโนในพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทย-กัมพูชา นั้น พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียพื้นที่หรือดินแดนให้กับประเทศใดแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ขอให้ทุกฝ่ายได้มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ของกองทัพภาคที่ 2

สำหรับกรณีดังกล่าว เส้นเขตแดนบริเวณช่องสายตะกู ในระดับพื้นที่ของทั้งสองฝ่าย ขั้นต้นได้เคยมีการเข้าสำรวจร่วมกันมาแล้ว จึงมีความชัดเจนและเข้าใจตรงกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการรอ ชุดสำรวจร่วมของ 2 ประเทศที่จะเข้าสำรวจในรายละเอียดต่อไป ปัจจุบันชุดสำรวจร่วมของ 2 ประเทศ อยู่ระหว่างการสำรวจในพื้นที่อื่น ที่มีความเร่งด่วนให้เสร็จสิ้นก่อน ดังนั้น จุดก่อสร้างบ่อนคาสิโนตรงข้ามช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อยึดถือแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่งเป็นแผนที่ ที่ฝ่ายไทยใช้ยึดถือ สรุป ได้ว่าบ่อนคาสิโนดังกล่าว ที่กล่าวอ้างไม่ได้อยู่ในเขตแดนของไทยและไม่ได้อยู่ในบริเวณพื้นที่ อ้างสิทธิของทั้ง 2 ฝ่ายอีกด้วย 

ทั้งนี้ ฝ่าย กัมพูชา จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่มาสร้างในพื้นที่ที่มีปัญหา เพราะทราบดีว่าถ้าหากสร้างแล้วจะต้องถูกฝ่ายไทยประท้วง และผลักดันให้รื้อถอนในที่สุด

โฆษก ศปก.ทภ.2 กล่าวอีกว่ากรณี นายวีระ จะเดินทางเข้าไปบริเวณที่ตั้งบ่อนคาสิโนตรงข้ามกับช่องสายตะกู ในวันที่ 29 มี.ค.ทางทหารกับตำรวจก็ต้องจัดกำลังไปรักษาความมั่นคงไม่ให้เกิดปัญหาตามมาระหว่างทั้งสองประเทศโดยบริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตเเดนของไทยและไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนและกลุ่มมวลชนในพื้นที่ก็ไม่ต้องการให้ นายวีระ เข้าไปสร้างปมปัญหาให้เกิดขึ้นมาอีกดังเช่นที่เคยทำมาแล้ว ฉะนั้นทางกองทัพภาคที่ 2 ก็จะทำความเข้าใจกับนายวีระ ถ้าหากเดินทางไปบริเวณดังกล่าวจริงในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง