ภรรยารอง ผบช.ภาค 5 ร่ำไห้ ถูกกัปตัน-แอร์ฯ ไล่ลงจากเครื่องบิน

ภรรยารอง ผบช.ภาค 5 ร่ำไห้ ถูกกัปตัน-แอร์ฯ ไล่ลงจากเครื่องบิน

ภรรยารอง ผบช.ภาค 5 ร่ำไห้ ถูกกัปตัน-แอร์ฯ ไล่ลงจากเครื่องบิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงบ่ายวันนี้ ( 30 มี.ค.) พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5  เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าว เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับภรรยา คือ นางยศวดี ปานเหง้า อายุ 54 ปี  หลังถูกกัปตันและแอร์โฮสเตสของสายการบินชื่อดัง ไล่ลงจากเครื่องบิน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งนอกจากจะทำให้เสียความรู้สึก และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังถูกผู้โดยสารคนอื่นบนเครื่องถ่ายคลิป และตำหนิตนเองที่ทำให้เครื่องบินล่าช้า

นอกจากนี้ เมื่อสอบถามเรื่องขอคืนเงินค่าโดยสาร สายการบินกลับปฏิเสธจะคืนเงินให้ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น กระทั่งเจ้าหน้าที่สายการบินแจ้งว่า ให้ลงเครื่องไปก่อนและไปติดต่อที่สำนักงานของสายการบินเพื่อทำเรื่องขอคืนเงินภายหลัง ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ได้ต่อสายโทรศัพท์ไปหาภรรยาที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

โดยนางยศวดี เล่าเหตุการณ์ในฟังผ่านโทรศัพท์ ว่า  ก่อนหน้านี้เดินทางจาก จ.อุดรธานี ไปเยี่ยมน้องชายที่ป่วยพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลศิริราช ระหว่างนั้นรู้สึกเวียนศีรษะ จึงไปตรวจร่างกายกับแพทย์ เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่า น้ำในหูไม่เท่ากัน ให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 วันเพื่อดูอาการ ทำให้ต้องเลื่อนตั๋วเครื่องบินที่จอง ต่อมาอาการดีขึ้นแพทย์จึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้  จึงจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับ จ.อุดรธานี โดยได้จองเที่ยวบินของสายการบินดังกล่าว เส้นทางดอนเมือง-อุดรธานี ออกเดินทาง 10.00 น. เลขที่นั่ง 41 C  และช่วงเช้าวันนี้ตนได้เดินทางไปเช็คอิน และขึ้นเครื่องตามเวลาที่กำหนดก่อนเครื่องออก

ระหว่างนั้นสังเกตเห็นพนักงานให้บริการรถวีลแชร์กับผู้โดยสารรายอื่น จึงเข้าไปคุยกับแอร์โฮสเตส พร้อมแจ้งว่า หากถึงท่าอากาศยานอุดรธานี อาจจำเป็นต้องขอรถวีลแชร์ให้ช่วยเหลือออกจากเครื่องบิน ในกรณีที่ตนเองเกิดอาการเวียนศีรษะ  แต่หลังจากเดินไปนั่งยังที่นั่งบนเครื่อง ปรากฏว่าแอร์โฮสเตสซึ่งเดินไปแจ้งให้กัปตันทราบแล้ว ได้เดินมาเชิญตนเองลงจากเครื่องบิน พร้อมแจ้งว่าตนเองไม่สามารถโดยสารไปกับเที่ยวบินนี้ได้ เพราะเป็นกฎของการบินและเพื่อความปลอดภัย

เมื่อตนพยายามชี้แจ้งว่าแพทย์อนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินได้ แต่แอร์โฮสเตสกลับขอเอกสารหนังสือรับรองจากแพทย์ เมื่อตนยื่นเอกสารให้ตรวจสอบ กลับไม่ยอมฟังและยังเชิญตนเองลงจากเครื่อง ทำให้ต้องต่อสายโทรศัพท์ไปหาพยาบาลที่โรงพยาบาลศิริราชการุณ  ซึ่งแม้พยาบาลจะยืนยันเช่นเดียวกับแพทย์ แอร์โฮสเตสก็ไม่ยินยอม และยังมีการเรียกเจ้าหน้าที่อีก 3 – 4 คนมาเชิญตนเองลงจากเครื่อง 

นางยศวดี กล่าวอีกว่า ครั้งแรกตนไม่ยอมลงจากเครื่องเพราะเห็นว่าไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน และเมื่อทวงถามเงินค่าโดยสารคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยงจนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น  แต่สุดท้ายตนก็ต้องยอมลงจากเครื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ของสายการบินและท่าอากาศยานนำลงมา นอกจากจะเสียความรู้สึกกับสายการบินดังกล่าว และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะถูกผู้โดยสารคนอื่นมองว่า ทำให้เครื่องล่าช้า และบางคนยังถ่ายคลิปภาพตนเองไปด้วย ขณะที่ชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งติดกัน ก็ไล่ให้ตนเองลงไป แต่เมื่อตนแจ้งว่าจะลงไปก็ต้องขอคืนเงินค่าโดยสาร ผู้โดยสารรายนี้กลับพูดว่า จะขอเรี่ยไรเงินจากผู้โดยสารรายอื่นเพื่อเอามาคืนให้กับตนเอง 

นางยศวดี กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ต้องการเงินค่าโดยสารจำนวน 1,450 บาทคืน และหลังจากนี้คงจะไม่ใช้บริการสายการบินดังกล่าวอีก โดยหลังจากถูกเชิญลงเครื่อง ก็ได้ไปจองตั๋วโดยสารของสายการบินอื่นบินกลับ จ.อุดรธานี ในช่วงบ่าย

ขณะที่ พล.ต.ต.ชูรัตน์ กล่าวว่า หลังภรรยาโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังรู้สึกงงมาก เหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงไม่ชี้แจงหรืออธิบายให้ทราบ ซึ่งภรรยาตนเองก็เดินเหินได้ตามปกติ แต่ด้วยความกังวลจึงประสานขอความช่วยเหลือไว้ล่วงหน้าเท่านั้น โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์  พล.ต.ต.ชูรัตน์ ได้วิดีโอคอลไปหาภรรยาที่กำลังนั่งรอโดยสารเครื่องบินกลับ จ.อุดรธานี ด้วยความห่วงใย ซึ่งนางยศวดี ยังคงมีสีหน้าที่เคร่งเครียดและน้ำตาซึมออกมาด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook