เปิดการให้ปากคำ "ซินแสโชกุน" ยืนยันไม่ได้ฉ้อโกง

เปิดการให้ปากคำ "ซินแสโชกุน" ยืนยันไม่ได้ฉ้อโกง

เปิดการให้ปากคำ "ซินแสโชกุน" ยืนยันไม่ได้ฉ้อโกง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในการแถลงข่าวจับกุมตัว นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ ซินแสโชกุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ข้อหาฉ้อโกงประชาชน จากการเปิดบริษัท เวลท์ เอเวอร์ จำกัด (WealthEver) ดำเนินธุรกิจขายตรงในลักษณะของแชร์ลูกโซ่

โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ระบุว่า ตามกระบวนการทางกฎหมายอาญา จะสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อสอบปากคำได้เป็นเวลา 48 ชั่วโมง จากนั้นจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกต่อไป

ส่วนจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ต้องรอให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อน และดูว่าผู้ต้องหาให้ความร่วมมือหรือไม่ ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นทางแพ่ง ตำรวจไม่สามารถดำเนินการให้ได้

ด้าน นางสาวพสิษฐ์ หรือ โชกุน เปิดเผยว่า ไม่ได้ฉ้อโกง เพียงแต่เปิดบริษัทที่มีการสมัครสมาชิก เพื่อหาเครือข่ายในการขายสินค้า ซึ่งการเดินทางไปท่องเที่ยว เป็นแผนธุรกิจที่พบว่ามีคนสนใจ  ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยพาสมาชิกไปเที่ยวต่างประเทศจริง

โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ได้พาแม่ทีมของบริษัทฯ ไปท่องเที่ยวที่โอซาก้าจำนวนมากกว่า 40 กว่าคน เมื่อกลับมาแล้วก็มีการโฆษณาให้เพื่อน ๆ ทราบ จึงมีคนสนใจอีกจำนวนมาก จนเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ก็ได้พาไปอีกหนึ่งกลุ่ม แต่มาถึงรอบนี้มีจำนวนมากขึ้น เพราะเชื่อว่ามีแม่ข่ายบางคนนำไปเสนอขายเป็นแพ็คเกจทัวร์ซึ่งตัวเองไม่ทราบด้วย

โชกุน ยืนยันว่า ไม่เคยโปรโมททริปทัวร์ จะบอกเสมอว่าเราขายสินค้า แค่อยากพาคนไปเที่ยว การเชิญชวนมาสมัครสมาชิกเพื่อต้องการขายซื้อสินค้า

ส่วนกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เมษายน นั้นยอมรับว่า เพราะไม่ทราบว่าไม่สามารถจองเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำได้ จึงต้องจองตั๋วจากสายการบินหลายแห่ง แต่ที่ไม่ได้แจ้งกำหนดการเดินทางและเที่ยวบินก็เพราะมีความผิดพลาดในการจัดลำดับรายชื่อ

สำหรับเงินของผู้เสียหายมากกว่า 500 กว่าราย ที่มาซื้อแพคเกจทัวร์ไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่ถูกปรับเปลี่ยนในรูปแบบผลิตภัณฑ์ ส่วนที่เดินทางไปที่จังหวัดระนองก็เพราะต้องการไปรวบรวมทรัพย์สินมาประกันตัว เพราะคิดว่าหลังจากเกิดเรื่องจะไม่สามารถจัดการเงินในบัญชีได้ ยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี

ทั้งนี้ เรื่องการคืนเงินให้ผู้เสียหายต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้เสียหายสมัครที่แม่ทีมคนใด และให้นำหลักฐานมายืนยันจึงจะคืนเงินได้ ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อเพราะเป็นความเชื่อส่วนตัว ชื่อล่าสุด เชื่อว่าเป็นมงคลกับชีวิต

นอกจากนี้ กรณีที่มีคลิปเสียงระบุว่าจะมีการนำสมาชิกไปเข้าเฝ้าและเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังมาเปิดงานของบริษัทนั้น เป็นข้อมูลที่พูดคุยกับทางบริษัทรับจัดงาน ซึ่งมีเอกสารยืนยัน

โดยก่อนที่จะมีการแถลงข่าว ตำรวจได้แสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหาให้ซินแสโชกุลรับทราบ จากนั้นได้ให้แพทย์จาก โรงพยาบาลตำรวจ มาตรวจร่างกายเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายขณะควบคุมตัวมาที่กองบังคับการปราบปราม ซึ่งแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกายแล้ว และระบุว่า ผลการตรวจร่างกายไม่พบบาดแผลภายนอก และไม่พบการถูกร้ายร่างกาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook