ทนายสงกานต์ช่วยด้วย ป้าสุดท้อโดนอ้างชื่อ ต้องติดคุกข้ามจังหวัด

ทนายสงกานต์ช่วยด้วย ป้าสุดท้อโดนอ้างชื่อ ต้องติดคุกข้ามจังหวัด

ทนายสงกานต์ช่วยด้วย ป้าสุดท้อโดนอ้างชื่อ ต้องติดคุกข้ามจังหวัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณป้าชัยนาทติดคุกข้ามจังหวัด หลังถูกเอาชื่อไปอ้างเปิดบริษัท เจอข้อหาหนีประกันสังคม วอนทั้งน้ำตา ทนายสงกานต์ ช่วยด้วย

(21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์จากหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่ไม่ได้รับความธรรมเรื่องคดีความ หลังอยู่ๆ ชื่อของตัวเองก็ถูกแอบอ้างเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง จ.ระยอง พร้อมกับถูกออกหมายจับฐานปลอมแปลงเอกสาร ต้องไปรับคดีและเข้าคุก 2 วัน ทั้งที่ตัวเองทำมาหากินอยู่ จ.ชัยนาท กระทั่งต้องใช้เงินประกันตัวออกมาขอความเป็นธรรม

นางกมลทิพย์ สุขชื่น อายุ 52 ปี ชาว อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อยู่ในสภาวะเครียดกับคดีความที่เกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ออกหมายจับในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา และถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีและฝากขังที่ศาล 2 วัน ก่อนใช้หลักทรัพย์ 38,000 บาท ประกันตัวออกมา ด้วยความมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตัวเองไม่ได้ทำอะไรแบบที่ถูกกล่าวหา

นางกมลทิพย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาบอกตนว่า ตนมีหมายจับข้อหาปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ เกี่ยวกับประกันสังคมในนามของบริษัท 2 บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง โดยมีชื่อของตนเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งแท้จริงแล้ว ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับบริษัทดังกล่าวเลย อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วย

คุณป้าชัยนาท ยังบอกอีกว่า หากตนเป็นเจ้าของบริษัทจริงๆ ก็น่าจะมีชีวิตที่หรูหรามากกว่านี้ คงจะไม่ใช่คนหาเช้ากินค่ำเช่นนี้ หากมาลำดับเหตุการณ์ดู เมื่อปี 2552 มีเพื่อนบ้านที่รู้จัก เคยชวนไปสมัครงานลูกจ้างงานตลาดหลักทรัพย์ จ.ระยอง แต่ค่าจ้างไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงตัดสินใจกลับบ้านและทิ้งเอกสารต่างๆ เอาไว้ น่าจะเป็นสาเหตุที่ชื่อตนถูกนำเอาไปใช้ ทั้งที่ตนไม่รู้เรื่องมาก่อน

จนกระทั่งล่าสุดได้ติดตามกับยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยนาท จึงทราบว่ายังมีอีกบริษัทหนึ่งที่ จ.สมุทรปราการ ที่ตนมีชื่อเป็นหุ้นส่วนหลัก ส่วนอีก 2 บริษัทที่ถูกแจ้งความว่าเป็นเจ้าของนั้น ยังไม่แน่ชัดยังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อและตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ว่ามีเอกสารและขั้นตอนการจัดตั้งเป็นอย่างไร

ขณะที่การกระทำแบบนี้นั้นเข้าข่ายหลบเลี่ยงภาษี โดยจะไปดึงใครมาก็ได้ เพียงมีสำเนาบัตรประชาชนเท่านั้น ก็สามารถทำให้ใครคนหนึ่งกลายเป็นแพะรับบาปไปทันที

นอกจากนี้ นางกมลทิพย์ ยังวิงวอนทั้งน้ำตาไปถึง ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายของประชาชน โปรดเข้ามาช่วยเหลือด้วย เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอย่างมาก จากการถูกเอาชื่อไปแอบอ้างเช่นนี้ ล่าสุดก็มีหมายนัดตัดสินคดีความในวันที่ 25 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ หากไม่มีใครช่วยเหลือก็คงต้องติดคุกหลายปีแน่ ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิดเกี่ยวกับบริษัทเหล่านี้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook