รบ.ยันไม่มีนโยบายยกเลิกขายอาหารริมทาง

รบ.ยันไม่มีนโยบายยกเลิกขายอาหารริมทาง

รบ.ยันไม่มีนโยบายยกเลิกขายอาหารริมทาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาล ยัน ไม่มีนโยบายยกเลิกขายอาหารริมทาง แจงแค่จัดระเบียบ เพื่อความเรียบร้อย รักษาความสะดอาดของบ้านเมือง พร้อมระบุ นายกฯ แสดงความยินดีนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศไทยกำลังจะยกเลิกการขายอาหารริมทางว่า รัฐบาลยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่เนื่องจากได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความไม่เป็นระเบียบของร้านอาหารริมทาง จึงมีแนวทางให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบรณรงค์และดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการทั่วประเทศจัดระเบียบให้เกิดความเรียบร้อย ไม่กีดขวางการจราจร รักษาความสะอาดและความสวยงามของร้านค้า ปรุงอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และเจ้าหน้าที่จะต้องไม่เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการอย่างเด็ดขาด 

ทั้งนี้ ร้านอาหารริมทางเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของประเทศที่ช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบไทย และได้ลิ้มรสอาหารที่มีรสชาติดี สะอาด และราคาไม่แพงจนเกินไป ซึ่งก่อนหน้านี้ กทม.ได้รับยกย่องให้เป็นเมืองที่มีร้านอาหารริมทางดีที่สุดในโลก เนื่องจากหาง่าย หลากหลาย และมีรสชาติอร่อย รวมทั้ง ตลาด อ.ต.ก. ยังเป็นตลาดสดที่ดีที่สุดอันดับ 4 ของโลก เช่นเดียวกันด้วย

พล.ท.สรรเสริญ ยังเปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความยินดีกับ "โปเต้" น.ส.วิลาสินี คามจังหาร ที่สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโดเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย 2017 ที่เมืองอาติเรา ประเทศคาซัคสถาน มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะปีก่อน นักกีฬาไทยไม่ได้เหรียญทองเลย พร้อมกับชื่นชมว่า น.ส.วิลาสินี มีสมาธิและจิตใจที่มุ่งมั่นห้าวหาญ เอาชนะคู่แข่งจากหลายชาติที่มีความแข็งแกร่ง โดยเชื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้นักกีฬาที่เหลือสร้างผลงานที่ดีตามไปด้วย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังฝากชื่นชมยินดีกับ นักกีฬาสแต็คเยาวชนของไทยทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม ที่ไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสแต็คชิงแชมป์โลก 2017 ณ ประเทศไต้หวัน และสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ถึง 10 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 14 เหรียญทองแดง โดยกีฬาชนิดนี้เป็นการใช้ปฏิภาณไหวพริบและสมาธิเพื่อจัดเรียงแก้วให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลก จึงอยากให้ทุกภาคส่วนเข้ามาสนับสนุนให้เด็กไทยที่มีความสามารถ ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook