พายุถล่มอุดรฯดับ2 เจ็บ3บ้านพังอื้อ-ศรีสะเกษลูกเห็บตก

พายุถล่มอุดรฯดับ2 เจ็บ3บ้านพังอื้อ-ศรีสะเกษลูกเห็บตก

พายุถล่มอุดรฯดับ2 เจ็บ3บ้านพังอื้อ-ศรีสะเกษลูกเห็บตก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พายุฝนลมแรง ถล่มจ.อุดรธานี อ่วม ทำคนตาย 2 เจ็บ 3 บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 200 หลัง ด้าน เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือ ขณะที่ ศรีสะเกษ พายุลูกเห็บถล่ม สวนทุเรียนภูเขาไฟ 9 แห่ง เสียหายจำนวนมาก

นายชัชวาลย์ ปทนนท์ นายอำเภอโนนสะอาด จ.อุดรธานี นายไพโรจน์ บุษราคัม ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยคณะได้ออกสำรวจความเสียหายจากเหตุ วาตภัยที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมานั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายแรก อาศัยอยู่ที่บ้านทมป่าข่า ต.ทมนางาม ความรุนแรงของพายุทำให้เสาโครงสร้างตัวบ้านพังและเสาบ้านล้มทับเจ้าของบ้าน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ส่วนรายที่สองเกิดบนถนนโนนสะอาด-หนองแสง  มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย โดยผู้ประสบภัยทั้งหมดถูกไฟช็อตขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ในช่วงฝนตกและลมแรง เป็นผลให้เสาไฟฟ้าล้มทับรถของผู้บาดเจ็บ ทำให้ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บอีกรายเข้าไปช่วยเหลือแต่ถูกไฟช็อตด้วย ทั้งนี้ การช่วยเหลือเป็นไปด้วยยากลำบาก เนื่องจากขณะเกิดเหตุยังไม่มีการตัดกระแสไฟฟ้า โดยผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย มีอาการสาหัส ถูกส่งตัวไปรักษาที่รพ.อุดรธานี นอกจากนี้ ความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่อ.โนนสะอาด จากการสำรวจพบว่าที่ ต.โคกกลาง บ้านเรือนเสียหาย 186 หลัง ต.โพธิ์ศรีสำราญ  9 หลัง เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ต.ทมนางาม 35 หลัง เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย ต.โนนสะอาด  9 หลัง และ ต.บุ่งแก้ว  5 หลัง รวมทั้งสิ้น 244 หลังคาเรือน เสียชีวิต 2 ราย สำหรับความเสียหายอื่นๆ อยู่ในระหว่างการสำรวจอย่างละเอียด 

ขณะที่ นายณฐพล วิถี นายอำเภอบ้านผือ สรุปความเสียหายจากกรณีการเกิดวาตภัยใเบื้องต้น พบความเสียหาย 4 ตำบล กระทบบ้านเรือน 104 หลัง โดยหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเข้าช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป


พายุถล่มสวนทุเรียนศรีสะเกษเสียหายยับ

ที่บ้านซำตารมย์ ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายรพีทัศน์ อุ่นจิตรพันธ์ รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการให้เกษตรอำเภอกันทรลักษ์ และเกษตรตำบล ออกทำการสำรวจความเสียหายของสวนทุเรียนที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม  ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีสวนทุเรียนซึ่งปลูกบนดินภูเขาไฟโดนลมพายุลูกเห็บพัดโหมกระหน่ำทำให้ต้นทุเรียนหักโค่น กิ่งหัก ลูกฉีก ร่วงหล่น เสียหายจำนวน 9 สวน มีลูกทุเรียนร่วงหล่นลงมากองกับพื้นจำนวนทั้งสิ้น 1,080 ลูก โดยสวนทุเรียนของนายอานพ รูปใหญ่ มีลูกทุเรียนร่วงหล่นมากที่สุด จำนวน 325 ลูก รองลงมาคือสวนทุเรียนของนายหนูจร จันทร์แก้ว ต้นทุเรียนโค่นล้ม จำนวน 2 ต้น ลูกทุเรียนร่วงหล่นเสียหาย จำนวน 250 ลูก นอกจากนี้แล้ว ยังมีสวนกล้วยไข่ที่บ้านศรีอุดม ตำบลจานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ โดนลมพายุได้รับความเสียหายประมาณ 6 รายพื้นที่เสียหายกว่า 30 ไร่ ส่วนบ้านโพนทองเล้าไก่โดนลมพายุพังเสียหาย 1 หลัง และกำแพงวัดบ้านโพนทอง ถูกต้นยูคาลิปตัสโค่นล้มทับได้รับความเสียหาย 3 บล็อก ด้านนายรพีทัศน์ กล่าวว่า พายุลูกเห็บเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 เม.ย. 60 ที่ผ่านมา  ทำให้สวนทุเรียนได้รับความเสียหายจำนวนมาก  ซึ่งตนจะได้รายงานความเสียหายของสวนทุเรียนและสวนกล้วยไข่รวมทั้งพืชไร่ทั้งหมดไปให้ นายธวัช สุระบาล ผวจ.ศรีสะเกษ ได้รับทราบ  เพื่อจะได้พิจารณาหาทางให้การช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการอย่างเร่งด่วนต่อไป


พายุถล่มเพชรบูรณ์กระทบ1,100ครัวเรือน-เร่งช่วย

จากกรณีเกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มครอบคลุมเขตพื้นที่ 11 ตำบลของอ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์เมื่อช่วงเย็นวานนี้ จนทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายกว่า 1,100 หลังคาเรือน ล่าสุดวันนี้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจากเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ของแต่ละพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งกำลังทหารจากกองพันทหารม้าที่ 28 ได้ระดมเข้าช่วยเหลือราษฎรขนย้ายและคัดแยกทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายออกจากบ้านพัก นอกจากนี้ยังเร่งเคลียร์ต้นไม้ที่ถูกลมพัดหักโค่นออกจากบริเวณพื้นที่ส่วนราชการ ขณะเดียวกันทั้งเทศบาล และ อบต. มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพร้อมเปิดรับแจ้งความเสียหายจากราษฎรที่ประสบวาตภัย เพื่อเตรียมให้ความช่วย ส่วนทางอำเภอหล่มสักได้ประกาศให้พื้นที่ 11 อำเภอประสบภัยพิบัติ เพื่อเตรียมจัดสรรงบญฯกลางมาช่วยเหบือแล้ว ด้านราษฎรต่างกันเร่งซ่อมแซมหลังคาบ้านพักที่ถูกลมพายุพัดปลิวหายไป 

นอกจากนี้ ยังมีรายงานแจ้งว่า ขนะเกิดเหตุพายุพัดกระหน่ำปรากฎว่า ได้มีบ้านเรือนทรงไทยที่บ้านวังหิน ต.ตาลเดียว อ.หล่มสัก ถูกพายุพัดจนทรุดพังลงมากองกับพื้นทั้งหลัง โดยกลายสภาพเป็นกองเศษไว้ไปในพริบตา โดยขณะเกิดเหตุ น.ส.จิตราภรณ์ ชัยเฉลิมศักดิ์ อายุ 38 ปี อยู่ในบ้านทรงไทยด้วน โชคดีรอดตายอย่างหวุดหวิด โดยนายศุภกร เบ้าสารี อายุ 34 สามี น.ส.จิตราภรณ์ ถึงกับหัวใจแทบสลายหลังเห็นบ้านทรงไทยราคา 2.5 ล้านบาท ที่เพิ่งจะสร้างได้เพียง ราว 4 ปี จนกลายเป็นเศษซากกองไม้หลังถูกพายุฝนและลูกเห็บถล่มใส่ โดย นายศุภผล ยังระบุว่า บ้านทรงไทยยังติดค้างจำนองอยู่กับแบงค์และอยู่ระหว่างผ่อนส่งอยู่รวม 25 ปี




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook