ตร.รอหมายจับฟันขรก.ค้ากาม-ประสานขอตัวบอสแล้ว

ตำรวจ รอหมายจับฟัน ขรก.เอี่ยวค้ากามแม่ฮ่องสอน มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ยืนยัน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เผย ประสาน กต. ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ถอนพาสปอร์ต บอส อยู่วิทยา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเกี่ยวกับการค้าประเวณี ซื้อบริการทางเพศ และคดีค้ามนุษย์ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่า การดำเนินคดีแยกเป็นสองส่วน คือความผิดฐานค้าประเวณี และความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งดำเนินคดีกับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 3 คน และมั่นใจว่า พยานหลักฐานจะสามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อีก แต่ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด และเรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนการสอบสวน โดยที่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะรายงานข้อเท็จจริงมาให้ภายในวันนี้

ส่วน กรณีที่มีรายงานว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนปัจจุบัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อบริการทางเพศ นั้น ไม่มีผลกระทบกับผลการสืบสวนสอบสวน เพราะในทางคดี ตำรวจมีหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่แล้ว โดยยืนยันว่า คดีนี้ไม่จำเป็นต้องปกป้องหรือช่วยเหลือใคร

ทางด้าน พ.ต.ท. วรธันว์ เครือจันทร์ต๊ะ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้า การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องคดีค้าประเวณีว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ยื่นคำร้องขอศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกหมายจับตำรวจ 6 นาย ในฐานะผู้ใช้บริการ ซึ่งขณะนี้ ศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา และสำหรับคดีนี้ ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับอีกจำนวนหลายราย

พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส  ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาคดีขับรถยนต์ชน ดต.ตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ อดีตผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่า  ขณะนี้ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แจ้งเวียนหมายจับ นายวรยุทธ ผู้ต้องหา ไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพื่อเฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกประเทศ 

รวมทั้ง ทำหนังสือแจ้งไปยังอัยการ และอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสืบเสาะหาถิ่นที่อยู่ และถอนหนังสือเดินทาง นายวรยุทธ แล้ว โดยยืนยันว่า หากผู้ต้องหามีการเปลี่ยนสัญชาติ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินคดี แต่ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่า นายวรยุทธ หลบหนีไปยังประเทศอังกฤษตามที่มีการนำเสนอข่าวหรือไม่