แม่แฉ! กลุ่มโจ๋รุมตีหนุ่มพิการดับ เคยทำร้ายลูกจนเลือดออกหู

แม่แฉ! กลุ่มโจ๋รุมตีหนุ่มพิการดับ เคยทำร้ายลูกจนเลือดออกหู

แม่แฉ! กลุ่มโจ๋รุมตีหนุ่มพิการดับ เคยทำร้ายลูกจนเลือดออกหู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความคืบหน้ากรณีกลุ่มวัยรุ่น 20 คน รุมตีคนพิการ 1 คน จนเสียชีวิต แม่เผยเคยถูกกลุ่มเดียวกันทำร้ายมาแล้ว 1 ครั้งจนเลือดออกหู ไร้เงินจัดงานศพ  ต้องเอารถไปจำนำได้มา 5 พัน

จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 20 คน ได้ดักรุมทำร้าย นายอำพล หนุ่มพิการ วัย 17 ปี จนเสียชีวิต ระหว่างทางกลับบ้านกลางทุ่งนา ถนนสายบ้านอาจญา - บ้านม่วงบุญมี ม.5 ต.น้ำเขียวอ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ขณะกลับจากเที่ยวงานคอนเสิร์ต ในงานบุญบั้งไฟ ที่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หนุ่มพิการสิ้นใจแล้ว เหยื่อรุมตื้บ 20 ต่อ 1 แม่ลั่นไม่ให้อภัย!

ล่าสุด วันนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เดินทางไปยังบ้านของผู้ตาย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพ พบบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ของครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงที่เดินทางมาช่วยงานศพ ที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย  ด้วยฐานะทางบ้านที่ยากจน สำหรับพิธีฌาปนกิจศพนายอำพล จะจัดขึ้นที่วัดบ้านอาจญา ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้

โดย นางทองสา อายุ 50 ปี มารดาของนายอำพล กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ตนลำบากมาก แม้แต่เงินที่จะมาจัดงานศพให้ลูกก็ยังไม่มี จนป่านนี้ก็ยังไม่มีญาติทางผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุยหรือให้การช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นแต่อย่างใดเลย

ตนต้องเอารถปิกอัพเก่าๆ คันเดียวที่มีอยู่ซึ่งใช้ขนของไปขายทุกวัน เอาไปจำนำในตลาดเพื่อนำเงินมาจัดงานศพให้ลูก รถมันเก่าเขาเลยให้แค่ 5 พันบาท  ซึ่งก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในงานศพในแต่ละวัน 

ซึ่งตนก็ได้แต่อาศัยบรรดาญาติๆ และเพื่อนบ้านช่วยเอากับข้าวกับปลามาช่วยกัน กว่าจะถึงวันเผาลูกซึ่งจะเผาในวันอาทิตย์นี้  ก็ไม่รู้ว่าจะมีเงินพอใช้จ่ายหรือไม่ ตนจึงอยากจะขอวิงวอนให้ทางญาติผู้ปกครองของผู้ที่ทำร้ายลูกตน ที่ว่าให้มีน้ำใจบ้าง มาพูดคุยดูแลกันบ้าง ชีวิตคนนะ ลูกใครๆก็รัก  ทำไมไม่มีน้ำใจมาดูแลเยียวยากันบ้างเลย

มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวต่อว่า สำหรับลูกชายเป็นเด็กพิการ สมองไม่ค่อยดี ขาพิการหนึ่งข้าง เดินเหินไม่สะดวก  เคยถูก 1 ในกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดักตีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว จนเลือดไหลออกหู ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนบุรี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร ทางผู้ที่ก่อเหตุก็ไม่ได้เข้ามารับผิดชอบอะไร จนเรื่องเงียบหายไป

ล่าสุด ก็เกิดกับลูกของตนอีก เขาหนีไม่ทันเพราะเขาเดินไม่สะดวก เขาเป็นเด็กดี ไม่เคยระรานใคร ทำงานอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ในอำเภอรัตนบุรี พอได้เงินมาช่วยจุนเจือครอบครัว ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ดักตี มักจะชอบหาเรื่องอยู่เป็นประจำ อาจจะเคยมีปัญหากับวัยรุ่นคนอื่นในบ้านอาจญา แต่ไม่ใช่กับลูกของตน จึงเกิดความแค้นวัยรุ่นคนไหนก็ได้ที่อยู่บ้านอาจญา มักจะชอบดักทำร้ายอยู่เป็นประจำ ขอฝากผู้ที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาให้ได้ทั้งหมด ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับใครอีก

นางทองสา กล่าวอีกว่า ในเรื่องคดี ตนก็ได้โทรฯไปสอบถามถึงความคืบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนบุรี แล้วเมื่อเช้าวันนี้ เขาก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ อย่างไรก็จะติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการออกติดตามตัวอยู่ คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้

ซึ่งในเรื่องนี้ตนจะรอให้เสร็จงานศพลูกชายก่อน หลังจากนั้นก็จะได้ปรึกษาญาติพี่น้องว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป โดยตนต้องการจะให้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายลูกของตนให้ถึงที่สุด ชีวิตแลกชีวิต ให้คนที่ทำได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของคนเป็นพ่อแม้บ้างว่าเป็นอย่างไร

ด้าน พ.ต.อ.มงคล ภูวประภาชาติ ผกก.สภ.รัตนบุรี ซึ่งติดภารกิจนอกพื้นที่ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดได้ทั้งหมดแล้ว โดยมีทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ เป็นเด็กและเยาวชนจำนวน 8 คน ผู้ใหญ่จำนวน 6 คน รวมทั้งหมด 14 คน

ส่วนอีก 5-6 คน ที่เหลือจะมีส่วนร่วมหรือไม่ กำลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีความผิดร่วมกระทำ จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดีทันที โดยตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมมาทั้งหมด 14 ราย ทั้งเด็กเยาวชนและผู้ใหญ่ ทั้งหมดให้การรับสารภาพ ได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายจริง

 โดยลักษณะความผิดเป็นการชกต่อย และใช้ไม้ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ส่งทั้งหมดดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แยกทั้งหมดส่งศาล โดยเด็กและเยาวชนได้ควบคุมตัวส่งไปยังสถานพินิจแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้เสียหายโดยเฉพาะแม่ผู้ตาย ตำรวจยืนยันจะให้ความเป็นธรรม และฝากถึงประชาชนในพื้นที่อำเภอรัตนบุรี หากมีงานที่ใดแล้วรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาได้ ซึ่งทางตำรวจก็จะจัดเจ้าหน้าที่จะได้พาไปส่งเพื่อความปลอดภัย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook