ต้นหอม เล่าระทึก เจอหนุ่มบุกขึ้นคอนโด ขู่ฆ่า ซัน

หลังจากที่เมื่อวาน "ต้นหอม ศกุนตลา" ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจกรณีถูกหนุ่มนิรนามบุกขึ้นคอนโด ทั้งยังขู่ฆ่าแฟนหนุ่ม "ซัน ประชากร" จนเจ้าตัวรู้สึกหวาดกลัวและกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง

ล่าสุดขณะที่ทั้ง ต้นหอมและซัน เดินทางมาร่วมงานประกาศรางวัลไนน์เอนเตอร์เทน อวอร์ด ครั้งที่ 10 ทั้งคู่ได้ออกมาเปิดอัพเดตถึงเรื่องคดีความ พร้อมเล่ารายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ฟังว่า...

คดีความตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

ต้นหอม: "เมื่อวานเราไปเพื่อดำเนินคดี เพราะเราเคยลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว แต่เขายังกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เลยเป็นการดำเนินคดีเพื่อลงโทษ เมื่อคืนนี้รู้สึกว่าคุณแม่ของเขาจะไม่ประกันตัว เขาก็ต้องนอนห้องขัง 1 คืน และคราวนี้ต้องถูกส่งฟ้องศาล แต่ทางศาลต้องขอหลักฐานคือใบรับรองแพทย์ว่าสรุปแล้วเขาป่วยหรือผิดปกติเรื่องอะไร เท่าที่เราพูดคุยเมื่อวานนี้เรารู้สึกว่าเขาไม่ได้วิกลจริต เขาน่าจะแค่ผิดปกติและหอมได้คุยกับทางคุณแม่ของเขา เหมือนสารเคมีในสมองมันหลั่งผิดปกติ ซึ่งสารเคมีตัวนี้มีผลต่อการยับยั้งช่างใจ ความรู้ผิดชอบชั่วดี ดังนั้นเขาจะไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เขาจะรู้แค่ว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกต้อง"

ช่วยเล่าเรื่องราวครั้งที่ 2 ที่เราโดนเขาบุกไป?

ต้นหอม: "ครั้งแรกเขามาที่คอนโดหอม อันนั้นหอมก็โกรธแล้วนะ พอเราได้ไปดำเนินคดีก็คิดว่าเขาจะไม่มาแล้ว เราก็ไปแกรมมี่ตลอด เพราะเราก็รู้สึกว่าเราชินกับแกรมมี่แล้ว แต่ต้องบอกว่าจังหวะเขาดีมาก วันนั้นมีรายการมาถ่ายที่ห้อง หอมก็จะมีทีมงานเข้าออกตลอดเวลาและพอดีวันนั้นรปภ.มาทำงานวันแรก เขาไปหลอกรปภ.คนใหม่ว่าเป็นทีมงาน รปภ.เลยเปิดประตูให้ และเป็นจังหวะที่ประตูห้องของหอมมันเปิดอยู่ก็เลยมายืนหน้าห้อง เขาไม่ได้เข้าห้อง เขายืนยิ้มอยู่หน้าห้อง"

เห็นว่าเขามีการขู่ฆ่าด้วย?

ซัน: "พอผมรู้เรื่อง ผมก็รีบมาหาหอม ก็เห็นว่าคนที่เขาเป็นวิกลจริต เขาก็อยู่ข้างล่าง เขาบอกผมว่าผมไม่เหมาะกับต้นหอมหรอก ให้ผมไปมีแฟนใหม่ดีกว่า เขาบอกว่าเขาดีกว่าผม เขาเหมาะกับต้นหอมมากกว่า และเขาก็บอกว่าขอได้ไหม ผมเลยถามว่าขอไปทำอะไร เขาก็บอกว่าขอไปทำเมีย ผมนี่อื้อหือ... ผมก็เลยบอกว่า เออแล้วแต่ ผมก็เลยบอกเขาไปดีๆ ว่า เดี๋ยวผมดูแลต้นหอมแทนเอง เขาก็เหมือนยิ้มๆ แล้วก็ฟังเพลงต่อ ส่วนที่เขาบอกว่าจะขู่ฆ่า อันนั้นเลขาพี่หอมบอกเขาว่า ถ้าพี่ซันมา ไม่กลัวพี่ซันทำอะไรเขาเหรอ เขาบอกว่าไม่กลัว เขาจะฆ่าพี่ซัน แต่เขาพูดแบบหัวเราะ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาคงคิดเล่นๆ"

ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังอะไรเพิ่ม?

ต้นหอม: "ตอนนี้ถามว่ากลัวเรื่องอันตรายไหม หอมไม่กลัว แต่มันเป็นความน่ารำคาญ กลายเป็นว่าเราจะเป็นโรคจิตอยู่แล้ว เวลาไปไหนมาไหนมีคนคอยตามตลอด รู้ทุกเรื่องของเรามันปวดประสาท ช่วงแรกๆ หอมนอนไม่หลับเลยนะ หอมเครียดเลย หอมยังมีคำตอบที่มันไม่ได้คำตอบ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง พอได้มาเจอหน้าเขาจังๆ เราก็เลยรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยเอาเรื่อง"

เขามีเปอร์เซ็นที่จะโดนดำเนินคดีสูงไหม?

ต้นหอม: "เราต้องรอผลทางการแพทย์ หอมก็ยังไม่กล้าตอบว่าตกลงเขาเป็นโรคจิต วิกลจริตหรืออะไร แต่โดยส่วนตัวไม่คิดว่าเขาเป็นถึงขนาดนั้น ทางผู้กองเขาก็บอกว่ารู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้วิกลจริงขนาดนั้น โทษของเขาถ้าเขาไม่ได้วิกลจริตจริงๆ เบานะคะ พิจารณาแล้วอาจจะไม่โดนจับติดคุก อาจจะเป็นการรอลงอาญา แต่ถ้ารอลงอาญาแล้วยังทำอีกโทษก็จะทบไปอีก มันก็จะบวกไปเรื่อยๆ"

คิดจะย้ายที่อยู่ไหม?

ต้นหอม: "ไม่คิดจะย้ายออกค่ะ เขาต่างหากต้องปรับตัว มาบ่อยๆ หอมอาจจะโมโห และเขาต้องระวังตัวแล้ว หอมว่าทางนิติบุคคลต้องมีการตื่นตัวเรื่องนี้ เพราะเขาเข้ามาถึง 2 ครั้งแล้ว แต่หอมเข้าใจทางนิติบุคคลว่ามันเป็นช่วงของรปภ.ใหม่พอดี หอมอยากให้กำลังใจเขามากกว่า เขาอาจจะเสียขวัญ"

ซัน: "ช่วงว่างๆ ผมก็จะไปรับต้นหอมไปส่งเขาที่ทำงาน เพราะพัฒนาการในการเข้าใกล้หอมมันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขาจะมาทำอะไรหรือเปล่า ยิ่งเขาบอกว่าเขาอยากได้ต้นหอมเป็นเมียผมยิ่งคิดหนักเลย"

ทางญาติเขาว่ายังไงบ้าง?

ต้นหอม: "คุณแม่เขาดีค่ะ เข้าใจเรา คุณแม่เขาก็บอกว่าเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน อยากพาลูกไปรักษา แต่ลูกดื้อไม่ยอม หอมก็เลยพูดกับคุณแม่ไปตรงๆ ว่า อันนี้เป็นปัญหาของทางบ้านคุณแม่ เพราะเขาไม่ใช่ญาติของหอม หอมจะไม่ลงไปแก้ปัญหาตรงนั้น เพียงแต่ว่า ณ วันนี้ถ้าเขามาล่วงล้ำอีก หอมจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด หอมก็ถามคุณแม่ว่าอยากดัดนิสัยเขาให้นอนห้องขังสักคืนไหม คุณแม่ก็บอกว่าได้ คุณแม่เลยไม่ประกันตัว ตอนนี้รอหลักฐานทางโรงพยาบาลอยู่ว่าเขาป่วยประมาณไหน เพราะมันจะมีผลต่อบทลงโทษเหมือนกัน ถ้าป่วยวิกลจริตมากก็เอาผิดไม่ได้"

ซัน: "ผมรู้สึกว่าถ้าเราใช้อารมณ์กับคนแบบนี้มันไม่ได้อะไร เราต้องคุยกับคนที่เขามีสติเหมือนเรา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือพี่สาวเขา ให้เขาดูแลคนของเขาให้ดี ไม่ให้มายุ่งกับคนของเรา ผมก็รู้สึกเป็นห่วงหอม เพราะไม่เคยเห็นใครมาลุกล้ำขนาดนี้"