จบด้วยดี เด็กป.2 ถูกภรรยาครูเกษียณบุกตบถึงบ้าน ต่างขอโทษกัน

จบด้วยดี เด็กป.2 ถูกภรรยาครูเกษียณบุกตบถึงบ้าน ต่างขอโทษกัน

จบด้วยดี เด็กป.2 ถูกภรรยาครูเกษียณบุกตบถึงบ้าน ต่างขอโทษกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่ นางเพียบ ภรรยาของอดีตของข้าราชการครูคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกระสังสามัคคี ต.สามแวง อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้บุกเข้าไปทำร้าย น้องเติ้น อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2  ถึงในบ้านทั้งใช้ก้านมะยมตีขา มือตบปาก ดึงหู และกระชากจนศีรษะโขกกับเสา เพียงเพราะโมโหที่เด็กแลบลิ้นใส่ จนแม่ของเด็กได้เข้าแจ้งความ 

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (18 มิ.ย.) คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่สถานีตำรวจภูธรห้วยราช โดยนางเสาวดี และนางอุไร แม่และยาย ได้เดินทางมาพร้อมน้องเติ้น และญาติพี่น้อง ขณะที่นางเพียบ  ภรรยาของอดีตครูเกษียณ ที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเด็ก ก็ได้เดินทางมาพร้อมครอบครัวเช่นเดียวกัน 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกันเองก่อน จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้มีการพูดคุยกันที่ศาลาข้างสถานีตำรวจ โดยทางครอบครัวน้องเติ้น ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพียงอยากให้นางเพียบ คู่กรณีกล่าวขอโทษทางครอบครัวที่ได้ทำร้ายเด็กเท่านั้น  

ซึ่งนางเพียบ พร้อมครอบครัวก็ยอมกล่าวขอโทษทั้งได้จ่ายเงินเป็นค่าทำขวัญให้กับน้องเติ้นจำนวน 2,000 บาทด้วย แต่แม่น้องเติ้น ปฏิเสธไม่รับเงินทำขวัญดังกล่าวโดยส่งเงินคืนให้กับนางเพียบ พร้อมบอกว่าไม่ได้ต้องการค่าเสียหายอะไร เพียงนางเพียบ กล่าวขอโทษก็พอใจแล้วและก็ไม่ติดใจเอาความอะไรอีก

พร้อมทั้งให้น้องเติ้นยกมือไหว้ขอโทษนางเพียบ ที่ได้ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมและพูดจาหยาบคายใส่ จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยกไหว้ขอโทษซึ่งกันและกัน พร้อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างยุติ หลังจากนี้จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเหมือนเดิม 

ซึ่งหลังจากทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสักขีพยานว่าทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความซึ่งกันและกันแล้ว ส่วนกรณีที่แม่เด็กแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ ทางตำรวจก็จะทำการเปรียบเทียบปรับ ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เป็นอันตรายแก่กายและจิตใจได้ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบปรับได้ หากผู้เสียหายยินยอมให้ทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน คดีอาญาก็ยุติ

ด้าน นางเสาวดี และนางอุไร แม่ของน้องเติ้น บอกว่า หลังได้พูดคุยไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันแล้ว และต่างฝ่ายต่างได้ขอโทษซึ่งกันและกัน ก็รู้สึกสบายใจและไม่ติดใจเอาความอะไรอีก เพราะยังไงก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมาง ขอให้ทุกอย่างยุติเพียงแค่นี้ เพื่อจะได้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะการสื่อสารผิดพลาดและไม่ได้พูดคุยกันเท่านั้น

ขณะที่ นางเพียบ บอกว่า หลังได้ไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันแล้วก็รู้สึกโล่งอกและสบายใจขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเครียดมาก เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ทำลงไปก็เพียงต้องการอบรมสั่งสอนให้เด็กรู้จักผิดถูกเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเด็ก แต่เมื่อได้พูดคุยขอโทษกันแล้วก็ไม่ติดใจอะไรกันอีก รับปากว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมีอะไรก็จะช่วยเหลือกัน ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี  

                                                                                                                   

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook