จับได้แล้ว เภสัชกรฆ่าพ่อตาแม่ยาย หลัง 12 ปี คดีไม่คืบ

จับได้แล้ว เภสัชกรฆ่าพ่อตาแม่ยาย หลัง 12 ปี คดีไม่คืบ

จับได้แล้ว เภสัชกรฆ่าพ่อตาแม่ยาย หลัง 12 ปี คดีไม่คืบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบแล้ว! เภสัชกรโหดใช้มีดจ้วงแทงพ่อตาแม่ยาย ญาติร่ำไห้ขอบคุณตำรวจและสื่อ หลังคดีไม่คืบนาน 12 ปี

จากกรณี นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความนำ น.ส.รัชฎาพร และ น.ส.รัชนก 2 ผู้เสียหาย คดีเภสัชกรซึ่งเป็นอดีตสามีของ น.ส.รัชฎาพร บุกบ้านฆ่าพ่อแม่ ที่จังหวัดเชียงราย ปี 2548 เข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เพื่อช่วยติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งกว่า 12 ปีที่ผ่านมาคดีก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะพี่เขยของอดีตสามีเป็นนายตำรวจใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ประกอบกับน้องชายของอดีตสามีก็เป็นครูในโรงเรียนที่น้องสาวเรียนอยู่

ล่าสุด นายกฤษณะชัย และ น.ส.ยุพิน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ถูกตำรวจนครบาลดอนเมือง และตำรวจภูธรบางละมุง จังหวัดชลบุรี จับกุมตัวได้ หลังร่วมกันก่อเหตุฆ่า นายจำลองและนางบัว บุญทองทา เสียชีวิตในบ้านพัก เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2548

โดยนายกฤษณะชัย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง โดยอ้างว่าวันเกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจจะลงมือฆ่าผู้เสียชีวิต แต่ด้วยปัญหาที่มีกับ น.ส.รัชฎาพร อดีตภรรยา สะสมมานาน จึงชักชวน น.ส.ยุพิน ซึ่งเป็นลูกจ้างซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดปากเสียงและใช้อาวุธมีดที่นำติดตัวไปลงมือโดยไม่รู้ตัว และหลบหนีไป

จนกระทั่งปี 2554 ได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ สน.ดอนเมือง ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ขายอาหารตามสั่ง และเปิดร้านขายของชำใช้ชีวิตกับภรรยาใหม่ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป พร้อมระบุว่าหลังก่อเหตุ 2 ปีตนเองก็สำนึกผิดมาโดยตลอด และคิดว่าครอบครัวผู้เสียหายจะให้อภัยแล้ว แต่พอมีข่าวออกมาทราบว่า ครอบครัวผู้เสียหายอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาตลอด 13 ปี จึงรู้สึกสงสาร และอยากให้ครอบครัวผู้เสียหายอภัยและอโหสิกรรมให้ ซึ่งการอโหสิกรรมก็ไม่ได้หวังว่าตนเองจะพ้นผิด แต่การให้อภัยคือสิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์และเขาจะมีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป

ด้าน พ.ต.อ.วิรัช สุมนาพันธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ตำรวจได้พยายามติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาโดยตลอด แต่ที่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีการเคลื่อนไหว ทางทะเบียนราษฎร์ตั้งแต่ปี 2547 และย้ายถิ่นฐานหลบหนี รวมถึงการตรวจสอบทางโทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากผู้ต้องหาใช้โทรศัพท์สาธารณะในการข่มขู่พยาน แต่คดีนี้ ตำรวจได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปตั้งแต่ปี 2548 แล้ว 

และหลังจับกุมตัวได้ผู้ต้องหาทั้งสองก็ให้การรับสารภาพ จึงเตรียมคุมตัวกลับไปดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงรายในวันพรุ่งนี้ รวมถึงชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพและคุมตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงราย พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่ามีผู้มีอิทธิพลเข้ามาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาจนไม่สามารถจับกุมตัวได้ พ.ต.อ.วิรัช ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เชื่อว่าจะมีผู้ให้การช่วยเหลือ เนื่องจากตนเองทำงานเป็นข้าราชการตำรวจในพื้นที่มานานกว่า 33 ปี แต่หากตรวจสอบพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำการเช่นนั้นจริงก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาโดยไม่ละเว้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook