จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้แชร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในโรงเรียนจอย ถนนวัดโพธิ์บางใหญ่ ม.1 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย. เรื่องของเด็กนักเรียนรายหนึ่งชื่อว่าน้องเอ (นามสมมุติ) อายุ 6 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 ร้องไห้และมาบอกอาจารย์ว่าขอลาออก เนื่องจากน้องเอ ลืมไม้ปิงปองไว้ที่บ้าน หากไม่มีไม้ปิงปองจะไม่ได้เล่นกับเพื่อนๆ น้องเอขอให้แม่กลับไปเอาไม้ปิงปองมาให้ แม่ไม่ตามใจ จึงไม่มีไม้ปิงปองมาเล่นกับเพื่อน เป็นเหตุให้ต้องการลาออกไม่อยากเรียน
เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ นางสาวกนกพร สิ่มสุวรรณโรจน์ หรือ ครูนก ผู้อำนวยการโรงเรียนจอย ต้องคุยกับเด็กนักเรียนเองด้วยตัวเอง เพราะน้องเอ ต้องการลาออกให้ได้ ครูนกพูดจนน้องเอ หยุดความคิดที่จะลาออก โดยเหตุผลที่น้องเอเปลี่ยนใจไม่ลาออกนั้น คือ ยังเขียนหนังสือผิดอยู่แล้วจะลาออกได้อย่างไร ต้องเรียนหนังสือต่อ
นางสาวกนกพร กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องว่านักเรียนมีปัญหาไม่มีไม้ปิงปองมาเล่นกับเพื่อน จึงให้เด็กเขียนจดหมายลาออก ตามแบบอย่างจดหมายที่ถูกต้อง แต่ปรากฏว่าข้อความบนจดหมายที่น้องเอ เขียนออกมานั้นไม่ถูกต้อง ครูนกจึงให้เหตุผลว่ายังเขียนหนังสือผิดอยู่แล้วจะลาออกได้อย่างไร ต้องเรียนให้เก่งก่อนถึงจะเพียงพอต่อการประกอบอาชีพในอนาคต นักเรียนรายนี้จึงยอมไม่ลาออกอีกต่อไป
ครูนก กล่าวว่า เด็กแต่ละคนมีความดื้อที่แตกต่างกันไป แต่หากเราเข้าใจ จะสามารถหาเหตุผลมาหักล้างความคิดที่ผิดของเขาได้ เพื่อให้เขาเจริญเติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรมของสังคม ตามแนวคิดของโรงเรียนที่ยึดหลักคุณธรรมความดีควบคู่กับหลักวิชาการ
สำหรับเรื่องที่ผู้ปกครอง ไม่ยอมกลับไปเอาไม้ปิงปองให้จนเป็นเหตุให้น้องเอ คิดจะลาออกนั้น เนื่องจากทางโรงเรียนขอความร่วมมือผู้ปกครอง ให้ลดการตามใจเด็ก ต้องให้เด็กมีความรับผิดชอบด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถฝึกฝนระเบียบและความรับผิดชอบให้กับเด็กได้ ซึ่งบทเรียนในครั้งนี้ ก็ทำให้น้องเอพร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เด็กไม่ลาออกแล้ว ทางคุณครูได้ให้น้องเอเขียนจดหมายอีกครั้ง ซึ่งปรากฏว่าเขียนได้ถูกต้องสมบูรณ์ แต่ในวันนั้นคงเป็นเพราะความตื่นเต้นและเสียใจ จึงทำให้เขียนผิดจนครูสามารถสร้างเหตุผลเพื่อให้เด็กคนนี้ตั้งใจเรียนเพื่อตนเองและครอบครัวได้อีกครั้ง ส่วนจดหมายลาออกได้คืนผู้ปกครองเพื่อได้ร่วมช่วยกันสอนลูกควบคู่กับทางโรงเรียนไปด้วยกัน