“นายสถานีรถไฟปัตตานี” แจงกรณีเบิกโอทีกว่าแสนบาท

“นายสถานีรถไฟปัตตานี” แจงกรณีเบิกโอทีกว่าแสนบาท

“นายสถานีรถไฟปัตตานี” แจงกรณีเบิกโอทีกว่าแสนบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายสถานีรถไฟปัตตานีชี้แจงกรณีเบิกเงินโอทีกว่า 1 แสนบาท เนื่องจากมีการปรับปรุงทางในช่วงสถานีรถไฟหาดใหญ่ ถึงสถานีรถไฟสุไหงโกลกและตนต้องอยู่ควบคุมงานผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมย้ำว่าตนทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ

หลังจากที่แฟนเพจเฟชบุ๊กหมาเฝ้าบ้านได้เปิดเผยข้อมูลนายสถานีรถไฟ จ.ปัตตานี ทำงานติดต่อกัน 24 ชั่วโมงมากกว่า 10 วันและเบิกค่าทำงานล่วงเวลา หรือโอที ในเดือนเดียวกว่า 1 แสนบาทจนกลายเป็นคำถามและเสียงวิจารณ์ว่าการเบิกเงินล่วงเวลาเป็นจำนวนมากสามารถทำได้หรือไม่

ทำให้ผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย ออกมาชี้แจงว่า สถานีดังกล่าว มีนายสถานีคนเดียว และต้องควบคุมงานการซ่อมแซมรางในเวลากลางคืน เป็นการทำงานนอกเวลาในช่วงเที่ยงคืน ถึง หกโมงเช้า และหลังเลิกงาน ตั้งแต่หกโมงครึ่งตอนเย็น ถึงเที่ยงคืน รวมแล้วทำงานนอกเวลา 15 ชั่วโมง 30 นาที โดยในเอกสารระบุว่า นายสถานีรถไฟ จ.ปัตตานี เบิกโอทีประจำเดือนพฤษภาคม เป็นเงิน 102,271 บาท

ล่าสุด วันนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอำนาจ ภู่เกตุ นายสถานีรถไฟ จ.ปัตตานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวที่ถูกแชร์ผ่านโลกออนไลน์ว่า อยากจะชี้แจงให้กับประชาชนได้รับทราบทั่วกันว่า ในช่วงนี้มีการปรับปรุงทางในช่วงสถานีรถไฟหาดใหญ่ ถึงสถานีรถไฟสุไหงโกลก โดยการซ่อมแซมในครั้งนี้ได้ทำตามความต้องการของบริษัทที่จะทำการซ่อมแซมหลังจากหมดขบวนรถแล้ว

ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงหมดเวลาของนายสถานี ต่างๆ แล้ว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานีปัตตานี ทางบริษัทได้ร้องขอไปยัง สารวัตรบำรุงทางเทพา เพื่อให้ออกโทรเลขแจ้งไปยังพนักงานควบคุมการเดินรถหาดใหญ่ เพื่อให้พนักงานควบคุมการเดินรถหาดใหญ่ แจ้งให้นายสถานีต่างๆใน สังกัด รับทราบว่าในเดือนพฤษภาคม จะมีการปิดทาง ในการปรับปรุงซ่อมแซมทาง เปลี่ยนหมอนรอง เปลี่ยนราง ปะแจเชื่อมราง และเก็บรางเก่า ซึ่งจะต้องมีการปิดทาง และนายสถานีจะต้องอยู่ควบคุมการปฏิบัติ ของผู้ใต้บังคับบัญชา ก็คือพนักงานคุมปะแจ และพนักงานกั้นถนน เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้กับทางบริษัท ในกรณีที่จะมีรถเข้า

ส่วนในประเด็นที่สังคมถามว่า นายสถานีทำงานอย่างไรตลอด 24 ชั่วโมง กรณีนี้ นายอำนาจ บอกว่า เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในสภาวะที่นายสถานีขาดแคลน ในพื้นที่เสี่ยงภัย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากสถานีรถไปนาม่วง ถึงสถานีรถไฟสุไหงโกลก มีเพียง 2 แห่งเท่านั้น คือสถานีรถไปยะลา และสถานีรถไฟสุไหงโกลก ที่มีผู้ช่วยนายสถานี

นอกนั้นมีนายสถานีรถไฟรับผิดชอบเพียงคนเดียว ฉะนั้น ในกรณีงานของบริษัท ที่ทำแต่ละสถานี ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการด้านเวลาของนายสถานีนั้นๆ ว่าจะบริหารจัดการเวลาอย่างไร เพื่อให้ภารกิจที่มีอยู่บนความรับผิดชอบของนายสถานี สำเร็จลุล่วง และปลอดภัย และในช่วงเช้า สามารถปิดการเดินรถผ่านได้โดยที่ไม่มีเหตุอันตรายเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีการปรับปรุงทาง ซึ่งทางบริษัทได้กำหนดเวลาในการซ่อมแซม ตั้งแต่หลังขบวนรถสุดท้าย จนถึงกระทั่ง 6 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น

ส่วนการทำงานนั้น ในช่วงเวลาการทำงานปกติของนายสถานี บางคนเข้าใจว่าจะต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในห่วงเวลา 06.30 ถึง 18.30 ก็ต้องยอมรับว่าขบวนรถไม่ได้มาติดๆกัน ในช่วงที่รถไม่มีเข้าสถานี นายสถานีก็สามารถพักผ่อนได้ แค่เพียงว่า ไม่สามารถออกไปไหนได้ และพร้อมที่จะทำงานตลอดเวลา เพื่อสั่งการได้ทันที

ซึ่งในเคสนี้เป็นกรณีพิเศษ การซ่อมแซมทางไม่ได้ทำทั้งปี เป็นงานประมูลการซ่อมแซมทางในพื้นที่เสี่ยงภัย ต้องเร่งทำให้เสร็จ ยิ่งเร่งทำให้เสร็จเร็วเท่าไหร่ก็เป็นผลดีกับทางบริษัทและผู้ปฏิบัติงาน จึงต้องใช้เวลาในการทำอย่างน้อยเป็นเดือนหรือมากกว่าแล้วแต่กรณี

นอกจากนี้ นายสถานีรถไฟ จ.ปัตตานี ยังระบุว่า ไม่รู้สึกท้อเพราะตนถือว่าคนที่นำไปแชร์ ไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่อย่าลืมว่า มันเป็นความไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ที่ถูกกระทำ เพราะต้องตกเป็นจำเลยของสังคม และประการสำคัญต้องยอมรับว่า การขาดแคลนอัตรากำลังคนของการรถไฟมีอยู่ทุกตำแหน่ง ถ้าจะไม่ให้พนักงานเบิกจะต้องจัดบุคลากร โดยเฉพาะนายสถานี โดยใช้สถานีละ 3 พลัด ต่อ 24 ชั่วโมง ซึ่งสภาพความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ ส่วนในเคสของตน เป็นการสมัครใจ โดยการรถไฟเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้ ตามสภาพการจ้าง โดยความยินยอมของพนักงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook