ด.ญ.ขาพิการสุดลำเค็ญ ทนายโกงเงินเยียวยาจากคู่กรณี 5 ล้าน

ด.ญ.ขาพิการสุดลำเค็ญ ทนายโกงเงินเยียวยาจากคู่กรณี 5 ล้าน

ด.ญ.ขาพิการสุดลำเค็ญ ทนายโกงเงินเยียวยาจากคู่กรณี 5 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กหญิงประสบอุบัติเหตุรถชนกับรถพ่วงจนเดินไม่ได้ เคราะห์ซ้ำถูกทนายโกงเงินเยียวยาจากคู่กรณี 5 ล้าน ต้องใช้ชีวิตสุดลำเค็ญเร่ขายของ

(28 มิ.ย.) ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาววัยกลางคนมักเข็นรถวีลแชร์ที่มีลูกสาวนั่งตระเวรขายของตามศาลาวัดแต่ละศาลาภายในวัดแห่งนี้เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและบุตรสาวในแต่ละวัน มีแขกที่มาร่วมในงานศพต่างพากันสงสารช่วยซื้อของ จนเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านใกล้เคียงรวมทั้งพระภิกษุสงฆ์จนถึงเด็กวัด เพราะเห็นถึงความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูกและผู้เป็นลูกที่มีต่อแม่ โดยทั้งสองคนขายของภายในวัดชลประทานมานานหลายปีแล้วเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพไปวันๆ 

น.ส.พรทิพย์ อายุ 44 ปี แม่ที่พา น้องบีม อายุ 14 ปี บุตรสาวพิการเดินไม่ได้ต้องนั่งรถวีลแชร์ตระเวนขายของ เปิดเผยถึงชีวิตที่แสนรันทดให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2548 ตนกับสามี พร้อมน้องบีม บุตรสาวได้นั่งรถปิคอัพเพื่อนสามีไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี สามีเสียชีวิตคาที่ ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนน้องบีมกระดูกทับไขสันหลังกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ต้องนั่งอยู่แต่บนรถวิลแชร์

หลังจากนั้นทางครอบครัวได้รับการช่วยเหลือจาก นายพิสิษฐ์ ทนายความ ที่รับอาสาว่าความให้จนกระทั่งต่อมาปี 2557 นายพิสิษฐ์แจ้งว่าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีคำพิพากษาให้คู่กรณีจ่ายเงินให้ครอบครัวตนเอง 1 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้เป็นงวดๆ งวดละ 40,000บาท จากนั้นได้นำหนังสือมอบอำนาจมาให้ตนเซ็นโดยอ้างว่าลูกความไม่สะดวกเดินทางตนจึงได้เซ็นให้ไป และได้รับเงินเดือนละ 40,000 บาท เป็นเวลา 7 เดือน ก่อนจะหยุดให้ในเวลาต่อมา เมื่อตนทวงถามนายพิสิษฐ์จะบ่ายเบี่ยงและอ้างว่าทางคู่กรณียังไม่ได้จ่ายมา

นางสาวพรทิพย์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่าตนเองจึงได้ติดต่อไปที่บริษัทเพื่อสอบถามถึงสาเหตุ แต่แล้วก็ต้องแทบช็อกหัวใจสลายเมื่อทราบว่าทางบริษัทรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวตนเองมา 5 ล้านบาทแล้ว โดยมีทนายพิสิษฐ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากตนเองมา ตนจึงสอบถามเขาไปเขาก็ยอมรับและบอกว่าจะหาเงินมาใช้พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา  จากนั้นก็เปลี่ยนมือถือและติดต่อไม่ได้อีกเลย ตนเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็ไม่รู้ว่าจะไปสู้รบปรบมือกับเขาได้อย่างไร เคยร้องเรียนไปที่สภาทนายความ มูลนิธิปวีณา ศูนย์ดำรงธรรม แต่เรื่องก็เงียบหายไป  "ถ้าทนายพิสิษฐ์ยังมีชีวิตอยู่และรู้ว่าตนเองกับลูกสาวลำบากขาดไหนขอให้เขาคืนเงินให้กับตนเองและลูกด้วย เพราะน้องบีมไม่น่าที่จะต้องมามีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้หากเขาไม่โกงเงินของตนกับลูกสาวไป"

สำหรับ น้องบีม นั้นปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนคนพิการในสังกัดกระทรวงพัฒนาการและความมั่นคงของมนุษย์ มีผลการเรียนที่ดีเกรดเฉลี่ย 3.8  และเป็นหนึ่งในนักร้องคอรัสหมู่ที่ร่วมกับเพื่อนๆร้องเพลงในโฆษณาประกันชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook