ตั๊ก นุ้ย ควงแขนเปิดใจถึงลูกชายจะเป็นอะไรก็ได้ รับได้หมด

ตั๊ก นุ้ย ควงแขนเปิดใจถึงลูกชายจะเป็นอะไรก็ได้ รับได้หมด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกระแสข่าวที่คุณพ่อตลกอารมณ์ดี “นุ้ย เชิญยิ้ม” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง “น้องภู” ลูกชายวัย 14 ปี ที่มักจะถูกลุงป้าน้าอาชาวตลกล้ออยู่บ่อยๆ ว่าไม่แมน จนหนุ่มน้อยตัดสินใจเข้าปรึกษาเรื่องความสับสนในตัวเองกับคุณพ่อ โดย นุ้ย เชิญยิ้ม ก็ได้เผยว่า สำหรับเรื่องนี้ตนรับได้เสมอในสิ่งที่ลูกเลือกจะเป็น แต่ก็ต้องมีขอบเขตไม่แสดงออกมากจนเกินไป!!

ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ “นุ้ย เชิญยิ้ม” และภรรยา “ตั๊ก ศิริพร” ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงกระแสข่าวดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมกันนั้นทั้งคู่ก็ยังถือโอกาสนี้เผยถึงความรู้สึกของน้องภูให้เราฟังด้วยว่า…

อัพเดทเรื่องสุขภาพของพี่นุ้ยที่ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีอาการป่วย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
นุ้ย - “สุขภาพก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะเราทำงานทุกวัน อาจจะมีเป็นหวัดบ้างอะไรบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าล้มป่วย เพียงแค่ว่าตัวพี่เองพี่จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกระดูกคอที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ เนื่องจากว่าหมอนรองกระดูกของพี่มันไปทับเส้นประสาท แต่พี่ยังไม่อยากผ่า กลัว (ยิ้ม) ยังทำใจไม่ได้ เอาไว้ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยผ่า อีกอย่างตัวพี่เองก็ไปคุยกับหมอตอลดนะ ปรึกษาหมอตลอด กินยาเยอะมาก”

ตั๊ก - “ถ้าพี่เป็นเขาพี่ผ่าไปแล้วนะ เพราะเวลาพี่เห็นเขาปวดเขาดูทรมานมาก แต่เขาก็คงกลัวอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ น่านะ...ผ่าเถอะ (ยิ้ม) สำหรับสุขภาพของพี่ระยะหลังมานี้ก็มีป่วยเหมือนกัน บางครั้งป่วยเป็นเดือนก็ยังไม่หาย ทั้งๆ ที่ปกติ 2-3 วันก็หายแล้ว งงตัวเองมาก แต่พี่ก็ไม่โทษใครนะ โทษตัวเองนี่แหละ”

ตั๊ก - “อยากไปเที่ยวอยากไปพักผ่อนมาก ในประเทศยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ต่างประเทศอย่าเพิ่งพูดดีกว่า แต่ถ้าหากจะไปจริงๆ ก็คงต้องเคลียร์งานให้หมดก่อน แค่เราแบบว่าเสียดายเงินเนอะ (หัวเราะ) พี่นุ้ยเขาก็เตือนตลอดเรื่องนี้ เขาพูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว พูดจนปล่อยเราแล้ว (หัวเราะ)”

เห็นว่าพี่ตั๊กมีแผนไว้ว่าอยากจะออกจากวงการ ?
ตั๊ก - “สำหรับเรื่องนี้พี่ไม่ได้พูดเพราะความเหนื่อยนะ แต่พี่ต้องบอกก่อนว่าพี่นุ้ยเขาเป็นคนเอาธรรมมะให้พี่ฟัง อันนี้พี่ต้องขอชมเขา เพราะตั้งแต่พี่ฟังมาไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะไม่ฟังเลย ซึ่งพอพี่ฟังบ่อยๆ พี่ก็เริ่มรู้สึกปลง รู้สึกไม่ยึดติดกับอะไร ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง เงินทอง หรือแม้แต่เรื่องอะไรก็ตาม ทุกอย่างพี่ปลงหมดแล้ว อย่างเรื่องลูกชายพี่ พี่ก็มองว่า เราเป็นพ่อเป็นแม่ ส่วนเขาก็คือลูก เขามีชีวิตของเขา เราไม่ใช่เจ้าชีวิตเขา เรามีหน้าที่แค่ให้ชีวิตเขาและส่งให้เขาเรียนจนจบ ส่วนหลังจากนี้เราไปยุ่งอะไรเขาไม่ได้แล้ว และพี่ก็จะไม่บังคับหรืออะไรลูกเลย หลายคนอาจจะด่าตั๊กนะว่าเป็นแม่ที่ประคบประหงมลูกจนเกินไป แต่คุณไม่เคยเป็นแม่คุณไม่รู้หรอกว่าความรักของคนเป็นแม่นั้นมันเป็นยังไง ความรักของแม่มันมีมากมายเหลือเกิน คุณต้องลองเป็นแม่ดู และแม่ที่เขารักลูกก็คงจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน”

“และน้องภูเขาไม่เคยทำอะไรให้พี่ลำบากใจเลยนะตั้งแต่เขาเกิดมา เขาเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย พี่ไม่เคยคิดด้วยซ้ำนะว่าเขาจะดัง เพราะว่าเราสองคนไม่เคยพาเขาไปกอง ไม่เคยสอนเขาเรื่องการแสดง ไม่เคยยัดเยียดอะไรให้เขา แต่ว่าเขาทำด้วยตัวเขาเอง เขาเกิดมาเพื่อเป็นแบบนั้นจริงๆ”

นุ้ย – “ส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่าลูกชายผมเป็นคนที่กล้านะ เพราะเวลาเขามีเรื่องหรือมีอะไรที่เขาอยากพูดอยากปรึกษาเขาก็จะเดินมาบอกเราตรงๆ และเราในฐานะที่เป็นพ่อแม่เราก็ควรจะเปิดใจให้ลูกบ้าง รับฟังลูกบ้าง ไม่ใช่เอะอะโวยวายกับลูกเวลาลูกขอคำปรึกษา หรือขึ้นเสียงกับลูกบ่อยๆ อีกอย่างช่วงวัยนี้มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเขา เขาก็คงอยากจะให้พ่อแม่ช่วยชี้ช่องทางให้กับเขาว่าเขาควรจะเป็นอะไร เขาควรจะทำอะไร ทำแบบนั้นดีไหม หรือทำแบบนนี้ดีไหม ซึ่งลูกผมจะเป็นอะไรผมก็ยังภูมิใจในตัวเขาครับ และผมก็เชื่อด้วยว่าเขาเป็นเด็กที่ดี ไม่ใช่แค่ดีในสายตาเรา แต่ให้เป็นเด็กดีในสายตาคนอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือการวางตัวในสังคม ลูกผมจะเป็นอะไรก็ได้ ผมยอมรับ ผมเปิดอก เปิดใจรับได้หมดเลย ลูกผู้ชายเต็มที่”

แสดงว่าตอนนี้ครอบครัวเราก็พร้อมให้คำปรึกษากับลูกชายเต็มที่ ?
ตั๊ก - “เห็นพี่งานเยอะก็จริง แต่ว่าในหนึ่งวันพี่ต้องมีเวลาคุยกับเขานะ อาจคุยกับแปปเดียวหรือคุยนานก็แล้วแต่ แต่ต้องคุยกับลูก อย่างน้อยๆ กอดกันหอมกันก็ยังดี พี่ทำแบบนี้เสมอ และพี่ก็จะบอกกับลูกเสมอว่าถ้าหากภูมีเรื่องอะไรภูอย่ามีความลับกับพ่อกับแม่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน และถ้าครอบครัวเราแข็งแกร่งภูก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ฉะนั้นถ้าภูมีเรื่องอะไรภูสามารถบอกกับพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง พ่อกับแม่จะคุยกับภูด้วยเหตุผล ซึ่งตัวพี่เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะมาคุยกับเราในเรื่องนี้”

นุ้ย – “จริงๆ เราก็ยังไม่รู้นะว่าน้องจะยังไง จะสายไหนอะไรก็แล้วแต่ เพราะสิ่งที่เขาเดินมาบอกกับเราเหมือนเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ เป็นในลักษณะของการขอคำปรึกษา แต่ด้วยความที่เราไม่อยากโกหกเพราะเราเป็นคนของประชาชน พี่ก็พูดให้มันจบๆ ไปเลยดีกว่า”

สภาพจิตใจของน้องหลังมีข่าวออกมา ?
นุ้ย – “เพื่อนเขาส่งข่าวให้เขาดูก่อนเลยครับ ตอนนั้นเราเองก็ไม่สบายใจเป็นห่วงความรู้สึกเขา เราก็เลยโทรไปถามเขาเดี๋ยวนั้นเลยว่าเขาซีเรียสไหมที่พ่อให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่เห็นมีอะไรนี่พ่อ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เท่านั้นแหละครับเราก็รู้เลยว่าเด็กเขาแยกแยะได้”

ตั๊ก – “ตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุ 14 เขายังมีอะไรให้ต้องเผชิญอีกเยอะ มันยังไม่แน่นอนหรอก ในวันข้างหน้าเขาอาจจะพบเจอตัวเองว่าเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นหรือเป็นอย่างนี้ก็ได้ แต่พี่บอกกับลูกเลยว่า ภูจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ภูทำอะไรให้แม่ได้ไหม แม่ขอภูแค่ 3 ข้อ 1.ภูต้องเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่ภูจะเรียนได้ 2.ภูจะต้องมีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี ต้องเป็นคนเก่ง และข้อ 3. ข้อนี้สำคัญที่สุด คือภูต้องเป็นคนดี ห้ามเป็นภาระต่อแม่ ห้ามเป็นภาระต่อสังคม เท่านั้นแหละค่ะแค่ 3 ข้อ ภูให้แม่ได้ไหม นอกเหนือจากนั้นภูอยากทำอะไรภูทำเลย หรือภูอยากจะเป็นอะไรภูก็เป็นเลย ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่า “ได้ครับ” (ยิ้ม) แถมล่าสุดเขาเอาผลการเรียนมาให้พี่สองคนดู เขาเรียนได้ A ทุกวิชาเลย แค่นี้พี่ก็แฮปปี้แล้ว (ยิ้ม)”

นุ้ย – “ผลการเรียนของเขาจะ เขียว เขียว เขียว มาตลอด แต่ว่าจะไปแดงตรงส่วนของวิชาพละ เพราะว่าเขาไม่ชอบความรุนแรง เขาไม่ชอบเตะฟุตบอล เขาชอบเล่นแบตมินตัน ชอบว่ายน้ำมากกว่า ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเอาผลการเรียนตรงนี้มาให้ดูนะ แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นเอามาให้ดูได้ ซึ่งพอเห็นว่ามันมีแดงตรงช่องพละ เราก็บอกเขาว่าไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ เขาออกกำลังอยู่บ้านก็ได้ แค่เอาเรียนไว้ก่อน”
“อีกอย่างหนึ่งคือพี่เปิดอกคุยกับลูกเลยนะว่า ตอนนี้เราอาจจะยังไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ถ้าหากเป็นผู้ชายก็ทำตัวให้ดีกับสังคม แต่ถ้าหากหนูจะเป็นเพศที่ 3 พ่อก็ไม่ว่า แต่ทาหน้าบางๆ ทาปากเบาๆ ก็ละกัน (หัวเราะ) อย่าเพิ่งออกเต็มๆ เราแฟร์ ลูกเขาถึงได้กล้าเข้ามา”

ตั๊ก – “ถามว่าพี่โอเคไหมที่พี่นุ้ยเขาบอกลูกแบบนี้ เอาจริงๆ นะ พี่เป็นคนบอกเขาตั้งแต่แรกบอกพี่นุ้ยก่อนเลยว่า ลูกเราจะเป็นอะไรก็ได้นะ แต่ขอให้ลูกเราเป็นคนดีก็พอนะพ่อ แถมยุคสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็น ดีเจนุ้ย เอกกี้ ป๋อมแป๋ม แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยนะ รวยๆ ทั้งนั้นเลย ดังนั้นลูกจะเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีเป็นคนเก่งก็พอ”

ตอนนี้เราในฐานะพ่อแม่ก็แฮปปี้กับลูกมากที่เขาเข้ามาขอคำปรึกษาตรงๆ และไม่มีความลับอะไรกับเรา ?
ตั๊ก – “อย่างที่พี่บอกเลยค่ะ ตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยทำอะไรให้พ่อกับแม่ลำบากใจเลย ไม่เคยเกเร แถมเรียนก็เรียนได้ดี ภาษาอังกฤษก็เก่ง คอมพิวเตอร์ก็ซ่อมเองได้ เรียกว่าทำได้หมดทุกอย่าง ภาษาจีนก็ได้ ซึ่งพี่โอเคมาก”

หลายคนมองว่าเป็นพ่อแม่ที่หลายคนอิจฉา ?
ตั๊ก – “พี่ไม่รู้นะหลายคนอาจจะว่าพี่เลี้ยงลูกยังไงพี่ก็ไม่ทราบ แต่พี่ขอแค่ให้ลูกพี่เป็นคนดี ไม่เป็นภาระสังคม เป็นคนดีของพ่อแม่แค่นี้ก็พอ แค่นี้เราก็พอใจแล้ว”

นุ้ย – “เราสองคนขอขอบคุณทุกท่านมากนะครับที่ติดต่อครอบครัวเรามาโดยตลอด ตั้งแต่ในวันที่น้องภูยังตัวเล็กๆ จนตอนนี้เขาอายุ 14 ปีแล้ว และเราก็จะทำหน้าที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกๆ ท่าน เพราะว่าเราอยู่จุดนี้เราก็เหมือนเป็นกระจกของสังคม เราจะไม่ทำเรื่องเสียหาย ไม่ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม แม้แต่ตัวน้องภูเองผมก็ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า ต้องขอโทษด้วยถ้าหากน้องจะเป็นนู่นเป็นนี่หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ ก็อย่าไปว่าเขาเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกกับทุกครอบครัวเลยก็คือ อยากให้เปิดใจรับฟังลูก รับฟังคำปรึกษากับลูก ไม่ว่าลูกเขาจะเป็นอะไรเราก็ต้องเปิดใจรับให้ได้ ในสิ่งที่มาถึงหรือมาไม่ถึงก็แล้วแต่ครับ”

 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ ตั๊ก นุ้ย ควงแขนเปิดใจถึงลูกชายจะเป็นอะไรก็ได้ รับได้หมด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook