มองร่างสัญญาประชาคม 10 ข้อ มองความจริง “ปรองดอง”

มองร่างสัญญาประชาคม 10 ข้อ มองความจริง “ปรองดอง”

มองร่างสัญญาประชาคม 10 ข้อ มองความจริง “ปรองดอง”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้งกับ แนวคิด ความพยายามในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งในเรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม และ หยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกนาน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าใด... แต่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่จริงๆแล้ว คนไทยต้องให้ความสำคัญ และ ใช้ความจริงใจ เพื่อจะนำไปสู่ทางปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้จริงๆ

“ความปรองดอง” ของคนในชาติ...จะกินความกินความหมายขนาดไหนยากที่จะบอกได้ แต่ที่สังคมไทยต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นวาระสำคัญย่อมมีที่มา เราคงต้องยอมรับว่า ความแตกแยกทางการเมือง การแตกแยกทางความคิดของคนในสังคมไทย ขยายลึกมาก และกินเวลายาวนานมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สังคมไทย

การแตกแยกทางความคิดที่นำไปสู่ การใช้ความรุนแรงเข้าเข่นฆ่า ทำร้ายคนที่เห็นต่าง เพื่อช่วงชิงอำนาจการกุมอำนาจรัฐ เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มพวกพ้องตัวเอง จนทำให้สังคมไทยแตกแยกจนเกือบจะไปสู่ยุคของกลียุค อาจเดินไปสู่สงครามกลางเมืองได้ไม่ยาก จนกระทั้ง กลุ่มทหารที่เรียกตัวเองว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามากุมอำนาจรัฐ ทำให้คู่ขัดแย้งจำต้องถอยออกมา แต่ก็มีบางกลุ่มมองว่า การเข้ามาของกลุ่มทหาร คสช.แท้จริงเป็นการวางหมากวางเกม เป็นส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายที่แยกกันทำงาน เพื่อสร้างเงื่อนไข ให้กลุ่มทหารเข้ามายึดอำนาจรัฐ

ดังนั้น แนวคิด การสร้างความปรองดองของชาติ ที่คณะทำงานตามที่รัฐบาล คสช.จัดตั้งขึ้นมาหาแนวทางนี้ จึงยังเป็นที่สงสัย ว่าจะนำไปสู่หนทางของการสร้างความปรองดองได้จริงหรือไม่ การดำเนินการหาแนวทางแม้คณะกรรมการจะมีการเชิญตัวแทนกลุ่มต่างๆที่เป็นคู่ขัดแย้ง มาเสนอแนวทาง และมีการสรุปแนวทางออกมาล่าสุด ที่เรียกว่า “ร่างแรกสัญญาประชาคม 10 ข้อ เพื่อนำไปสู่ความปรองดอง”

โดยมีสาระสำคัญตามที่มีการนำเสนอของสื่อ ดังนี้
1.คนไทยทุกคนพึงร่วมกันสร้างบรรยากาศของความสามัคคีปรองดอง...ใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างถูกต้องเหมาะสมในกรอบกฎหมาย... มีส่วนร่วมกับการเมืองภาคประชาชน... ส่งเสริมสถาบันการเมืองให้มีความเข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่โปร่งใส... และยอมรับผลการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นฉันทามติของคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งร่วมกันตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐและการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกในระบบรัฐสภา
2.คนไทยทุกคนพึงน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิต...
3.คนไทยทุกคนพึงยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมในการดำเนินชีวิต รวมทั้งร่วมกันตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตในทุกระดับ...
4.คนไทยทุกคนพึงร่วมมือกันสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม...
5.คนไทยทุกคนพึงให้การสนับสนุนส่งเสริมการดูและคุณภาพชีวิต การสาธารณสุข การศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงเท่าเทียม...
6.คนไทยทุกคนพึงเคารพเชื่อมั่นและปฏิบัติตามกฎหมาย...
7. คนไทยทุกคนพึงใช้ความรอบคอบในการรับรู้ข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ และร่วมกันสอดส่องดูแลไม่ให้มีการบิดเบือนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม
8. คนไทยทุกคนพึงตระหนักในการส่งเสริมให้สังคมมีมาตรฐานสากลตามกฎกติการะหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคี
9. คนไทยทุกคนพึงสนับสนุนและส่งเสริมการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน...
10. คนไทยทุกคนพึงพึงเรียนรู้ ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ

จากการนำเสนอล่าสุด แม้ท่าทีโดยรวมของบรรดา นักการเมือง จะขานรับพร้อมจะเดินหน้าไปสู่ความปรองดอง แต่ ลึกๆลงไปเชื่อได้ว่า ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติที่พร้อมจะก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกอย่างไม่ยากเย็น ตราบที่บรรดานักการเมืองเหล่านี้ยังมองแต่ประโยชน์ของกลุ่มพวกพ้องตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ได้มากผลประโยชน์ของสังคมเป็นใหญ่อย่างแท้จริง

ปรากกฎการณ์ กระแสความไม่พอใจ ร่างกฎหมาย คดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ ฉบับใหม่ โดยอ้างว่าไม่เป็นสากล ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งๆที่มีการมองกันว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นการปิดประตูนักการเมืองที่กระทำผิดและหนีคดีจะอาศัย ให้คดีหมดอายุความเพื่อกลับเข้ามาโดยไม่ต้องรับผิด นั้นปิดสนิทลง รวมไปถึง นักการเมืองที่อาจจะหลบหนีคดีที่กำลังจะตัดสิน เพื่อไปรอเวลาให้หมดอายุความ ก็เป็นอันจบสิ้นลงด้วย

ปรากฏการณ์ ความขัดแย้งของคนในสังคมระดับศิลปินแห่งชาติ ที่ออกมาฟาดฟันกันผ่านสังคมโซเชียล สิ่งนี้สะท้อนความขัดแย้งทางความคิดที่ลึกๆ ยังไม่มีทางคลี่คลาย เพราะจุดยืนทางการเมืองคนละขั้ว ยังมิได้คลายหายไปแต่อย่างใด ความเกลียดชังของคนเหล่านี้ยังกรุ่นอยู่ รอวันจะประทุขึ้นมาอีกเมื่อไรก็ได้


เมื่อมองดู ร่างสัญญาประชาคม 10 ข้อ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นหลักการที่ดี เพราะเป็นข้อเสนอให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจ เคารพความคิดเห็นต่าง เคารพกฎหมาย เคารพการตรวจสอบ ถ่วงดุล ฯ แต่ ในความเป็นจริงใช่หรือไม่ บรรดานักการเมืองพร้อมจะแหวกหลักการ หาช่องหาทาง เพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ให้กับเจ้านาย ไม่เคยเห็นหัวประชาชน ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก... การยอมรับเป็นเพียงลมปาก เพราะอยากจะเดินหน้าไปสู่หนทางที่ตัวเองจะเข้ามามีอำนาจรัฐเท่านั้นเอง

ภายใต้แนวคิด ความคิดของสังคมแห่งความขัดแย้ง ที่ยังดำรงอยู่...การปรองดอง...คืออะไร หน้าตาจะเป็นอย่างไร...ยังคงต้องหาคำตอบกันต่อไป....!

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook