หญิงใส่ชุดไทยปรากฏตนปล้นวัด ภาพจับได้ชัด เป็นคน..ไม่ใช่ผี

หญิงใส่ชุดไทยปรากฏตนปล้นวัด ภาพจับได้ชัด เป็นคน..ไม่ใช่ผี

หญิงใส่ชุดไทยปรากฏตนปล้นวัด ภาพจับได้ชัด เป็นคน..ไม่ใช่ผี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภาพวงจรปิดจับได้ชัดเจน หญิงใส่ชุดไทยล่องลอยเข้ามาปล้นศาลาวัด แต่ยืนยันว่าเป็นคน ไม่ใช่ผีสางนางไม้ เงินทำบุญหายไปหลายพันบาท

(19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพระสงฆ์ วัดสว่างโสภณ บ้านหนองกระบือ ต.ตานี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ว่า เมื่อเวลา ประมาณ 03.15 น. ของวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดภายในวัดสว่างโสภณได้บันทึกภาพผู้หญิงสูงวัย อายุราว 55-60 ปี แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมไทยโบราณ เดินเข้ามาภายในเขตบริเวณวัด ในขณะที่เจ้าอาวาสวัด พระครูสมุห์ โมรี พระลูกวัด และญาติโยมในวัดได้นอนหลับภายในกุฏิ ไม่มีใครตื่น

คนร้ายเป็นหญิงสูงวัย แต่งกายด้วยชุดไทยโบราณ เดินเขามาในบริเวณ ศาลาวัดหลังใหญ่ เป็นที่เก็บเงินและสิ่งของที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย แม้จะมีประตูล็อคอย่างดี แต่หญิงสูงวัยคนนี้เข้ามาในศาลาวัดได้อย่างไร ส่วนด้านนอกศาลาวัด ในร่มชายคาที่ทำไว้ด้านหน้าทางเข้าก็มีบาตรตั้งเรียงรายอยู่หลายใบ ทั้งชนิดธนบัตรและเหรียญ

ส่วนทางเข้าศาลาวัด ประตูทางเข้า มีช่อต้นเงินสองต้น ที่ชาวบ้านร่วมทำบุญกับทางวัดเสียบไว้อยู่ ทั่วทั้งสองต้นราว 3,000 บาทเศษ ในภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าหญิงสูงวัยคนดังกล่าว ได้เดินวนเวียนไปมา 3 รอบและหันไปหยิบเอาเงินในบาตรเฉพาะชนิดใบธนบัตรไปจนเกลี้ยง เหลือไว้แต่เหรียญ

เท่านั้นยังไม่พอยังหยิบธนบัตรที่เสียบไว้ในต้นเงินทั้งซ้ายและขวา คงเหลือไว้แค่ต้นละ 20 บาทเท่านั้น ก่อนจะหยิบตะกร้าเชี่ยนหมากและกาแฟซองติดมือไปด้วยรวมเป็นเงินกว่า 3,600 บาท

ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายวิจิตร มัคทายกวัด และชาวบ้านที่มาคอยบริการประชาชนที่มาทำบุญบอกว่าในคืนดังกล่าว พระสงฆ์ สามเณร และนายวิจิตร ได้นอนเฝ้าวัดในตัวศาลาใหญ่ซึ่งมีทรัพย์สินหลายรายการเป็นประจำแบบนี้ทุกคืน แต่มาแปลกใจ เมื่อตอนเช้าวันเกิดเหตุพอตื่นมาได้เดินสำรวจต้นเงินและเงินในบาตรที่ต้องตรวจทุกเช้าพบว่าต้นเงินที่เคยมีเงินเสียบไว้ได้หายจำนวนมาก เหลือเพียงต้นละ 20 บาท จึงรีบไปสำรวจดูที่บาตรที่ตั้งเรียงกันปรากฏว่าธนบัตรที่มีก็หายไปหมดเกลี้ยงเหลือไว้เพียงเงินเหรียญ

จากนั้นตนจึงรีบไปแจ้งเจ้าอาวาสมาตรวจสอบและไปตรวจสอบที่กล้องวงจรปิดภายในวัดจึงพบว่าถูกหญิงคนดังกล่าวได้เข้ามาหยิบทรัพย์สินไปแน่ๆ จึงได้ให้ญาติโยม เข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สถานีตำรวจภูธรโชคนาสาม (สภ.โชคนาสาม) และให้เข้ามาตรวจสอบและลงบันทึกประจำวัน เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook